กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านประกาศ 11 ประเภทกิจการรุนแรง ได้เคลื่อนขบวนกลับมาปักหลักชุมนุมที่บริเวณหน้าศูนย์ราชการจังหวัดระยองตามเดิม หลังจากช่วงบ่ายที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมฯ ได้เคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยองเพื่อเรียกร้องให้เปิดเผยจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดระยองว่า ในปีงบประมาณ 2553 ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 24.2 ล้านบาท ทำให้สามารถตรวจสุขภาพของประชาชนได้เพียง 1 หมื่นคนเท่านั้น
นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอกลุ่มกรีนพีซนำเรือเรนโบว์วอร์ริเออร์มาสมทบ เพื่อร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในวันพรุ่งนี้(1 ต.ค.) และเมื่อมาถึงแล้วจะยกขบวนเข้าไปตระเวนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 1 รอบก่อนจะกลับออกมาชุมนุมที่หน้าศูนย์ราชการตามเดิม พร้อมกันนี้จะรอดูท่าทีของรัฐบาลว่าจะดำเนินการอะไรหรือไม่ หากยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนมากกว่านี้ก็จะพิจารณายกระดับการชุมนุมให้เข้มข้นขึ้นไปเรื่อยๆ
ด้านนายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า กรณีกลุ่มกรีนพีซจะนำเรือเรนโบว์วอร์ริเออร์มาสมทบกับผู้ชุมนุมในวันพรุ่งนี้เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์นั้น แม้เรือลำดังกล่าวจะได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าให้เข้ามาในราชอาญาจักรไทยอย่างถูกต้อง แต่ทางจังหวัดอนุญาตให้นำเรืออยู่ห่างจากฝั่งไม่ต่ำกว่า 3.5 ไมล์ทะเล ส่วนชาวต่างชาติที่มากับเรือลำดังกล่าวหากจะลงเรือเล็กเข้าฝั่งมาทำกิจกรรมต้องได้รับการตรวจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และห้ามเข้ามาทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ขณะที่นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) กล่าวว่า ได้ตั้งคณะทำงาน 6 ฝ่าย เพื่อดูแลความเรียบร้อยภายในนิคมฯ และมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัย โดยไม่อนุญาตให้มีการรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่หวงห้าม
พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง กล่าวว่า ได้จัดกำลังตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชนจำนวน 1 กองร้อยมาดูแลความสงบและตั้งด่านสกัด 5 แห่งในจุดเสี่ยงก่อนถึงทางเข้านิคมฯ เพื่อป้องกันการก่อเหตุของมือที่ 3 รวมทั้งประสานข้อมูลกับนิคมอุตสาหกรรมใกล้เคียง คือ นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก และนิคมอุตสาหกรรมเอเชียด้วย