นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้รับคำตอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อกรณีที่จะมีการประกาศให้พื้นที่ใดเป็นพื้นที่ที่ต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้น จะเป็นอำนาจการตัดสินใจของ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่อำนาจของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมหรืออำนาจของผู้ชำนาญการ
ทั้งนี้ในอนาคตจะต้องมีการตรากฎหมายเพื่อจัดตั้งองค์กรอิสระเข้ามาทำงานในจุดนี้ ซึ่งจะสามารถกำหนดประเภทของกิจการได้อย่างครบถ้วน
"ในส่วนของการประกาศพื้นที่เฉพาะหรือการทำ EIA ได้คำตอบจากกฤษฎีกาว่า กรณีเหล่านี้เป็นอำนาจของ รมว.ทรัพยากรฯ ไม่ใช่อำนาจของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม หรือคณะผู้ชำนาญการ...ส่วนโครงการที่อาจจะตั้งในพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ เราก็ต้องไปดู เช่น พัทยา หัวหิน หรือเชียงใหม่ ซึ่งหากจะประกาศเป็นพื้นที่เฉพาะ คนที่ประกาศได้ต้องเป็นรัฐมนตรี แต่ก็ต้องไปดูถึงวิธีการที่จะทำ หรือจะทำอย่างไร"นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกรณีที่เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ได้ประกาศเลื่อนการชุมนุมในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมมาบตาพุดไปอีก 2 สัปดาห์เพื่อรอคำตอบจากรัฐบาลในการทบทวนการประกาศ 11 ประเภทกิจการรุนแรงนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศประเภทกิจการดังกล่าวไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับสิ่งที่ต้องเร่งทำ คือการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลทางด้านสุขภาพของประชาชน เพื่อนำมาประกอบใช้กับการกำหนดความสามารถในการรองรับอุตสาหกรรมในพื้นที่
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ให้ความสำคัญกับชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ และพร้อมจะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ด้วย