นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ น.ส.ศิริลักษณ์ ผ่องโชค ดารานักแสดง ในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเข้าไปกระทำการใดๆ ที่รบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันควรเข้าไป หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์กรณีบุกยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ระหว่างวันที่ 24 พ.ย.-3 ธ.ค.51 โดยศาลได้อนุมัติออกหมายจับดังกล่าวตามคำร้องของพนักงานสอบสวนกองปราบปรามไปแล้วเมื่อวานนี้(6 ต.ค.)
นายนิติธร กล่าวว่า การยื่นคำร้องครั้งนี้ได้ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินด้วย และการยื่นคำร้องในส่วนของ น.ส.ศิริลักษณ์ ได้อ้างเรื่องเคยยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี และหนังสือโต้แย้งพนักงานสอบสวนไว้แล้ว พร้อมสำเนาคำสั่งของศาลอาญาครั้งที่แล้วที่ให้ยกคำร้องขอหมายจับกลุ่มผู้ถูกกล่าวหา
"การที่พนักงานสอบสวนมาร้องขอหมายจับน่าจะเป็นการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ผมจึงยื่นหลักฐานทั้งหมดเพื่อให้ศาลพิจารณาอีกครั้ง" นายนิติธร กล่าว
พร้อมกันนี้ตนเองได้เตรียมเอกสารเบิกความของนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) พยานของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ได้เบิกความในคดีแพ่งให้ศาลได้พิจารณาด้วย โดยนายเสรีรัตน์ได้เบิกความว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ดำเนินการไปด้วยความสงบ ไม่มีอาวุธ และไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้น ระหว่างนั้นก็มีการประสานงานกันเพื่อใช้พื้นที่เฉพาะบริเวณที่เป็นทางเท้าของสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนกรณีของ น.ส.ศิริลักษณ์ เป็นเพียงแค่ขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีเท่านั้น และเมื่อประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชในสถานการณ์ฉุกเฉิน น.ส.ศิริลักษณ์ ไม่ได้เข้าไปในที่ชุมนุมอีกเพราะเดินทางไปต่างจังหวัด
ขณะที่นายณฐพร โตประยูร ทนายความของ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอเพิกถอนหมายจับเช่นกัน โดยนายณฐพร ระบุว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ เคยทำหนังสือถึงพนักงานสอบสวนแล้วว่า มีพยานที่จะนำมายืนยันเพื่อแก้ข้อกล่าวหา ประกอบกับในกลุ่มผู้ถูกกล่าวหา 88 คนที่มีชื่อ พล.อ.ปฐมพงษ์ ร่วมอยู่ด้วย ปรากฏว่าบุคคลอื่นได้ทำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรส่งพนักงานสอบสวนแล้ว โดยการสอบสวนพนักงานสอบสวนต้องทำการสรุปพยานหลักฐานให้ได้ความก่อนว่ามีความผิดอะไร ซึ่งระหว่างการชุมนุม พล.อ.ปฐมพงษ์ ไม่ได้พักค้างคืนและร่วมเคลื่อนไหวในฐานะพลเมือง ส่วนการจะขอออกหมายจับก็ต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 และข้อกำหนดระเบียบที่ประชุมใหญ่ ข้อ 14 ที่ว่าต้องมีหลักฐานพอสมควรว่าบุคคลนั้นน่าจะได้กระทำผิดอาญา และมีเหตุควรเชื่อว่าหลบหนี ขณะที่การสอบสวนก็ต้องเป็นไปตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 130 ที่การสอบสวนไม่ต้องให้ผู้ต้องหาอยู่ด้วย ซึ่ง พล.อ.ปฐมพงษ์ ได้ขอเลื่อนและการขยายวันเข้าพบไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ครบ 60 วัน โดยล่าสุดตนเองได้เข้าพบพนักงานสอบสวนไปเมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อแจ้งว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ ยืนยันตามคำให้การที่ยื่นก่อนหน้านี้ว่ามีพยานหลักฐานที่จะนำมาชี้แจ้งแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหา ขณะที่เมื่อยื่นคำร้องแล้ว ศาลจะเรียกให้มีการไต่สวนหรือไม่ถือเป็นดุลยพินิจของศาลตามข้อกำหนดระเบียบที่ประชุมใหญ่ ข้อ 24