นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่า บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 จะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่มีอะไรเป็นที่น่ากังวลใจเพราะพื้นฐานของคนสุราษฎร์ฯ เป็นคนที่ใจกว้าง ยอมรับความเห็นที่แตกต่างและพร้อมให้การต้อนรับนักการเมืองทุกพรรคอยู่แล้ว
"ไม่น่ากังวล...ที่ผ่านมาการแข่งขันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยช่วงการเลือกตั้งซ่อมเมื่อครั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. ก็ไม่มีปัญหา" นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวว่า หากแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่ไปร่วมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งจริงๆ ไม่ใช้การใช้เวทีเลือกตั้งซ่อมไปเป็นประเด็นทางการเมืองอื่นแอบแฝง เพราะอาจทำให้สถานการณ์บานปลายได้ และแต่ละฝ่ายควรกำชับมวลชนของตัวเองไม่ให้ทำผิดกฎหมาย แม้จะมีความกังวลอยู่บ้างเรื่องมือที่สามและการสร้างสถานการณ์
"อาจมีพวกฉวยโอกาส เพราะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ปกติและมีคนหวังจ้องป่วนอยู่แล้ว ขณะนี้การข่าวยังปกติ และเชื่อว่าชาวบ้านในพื้นที่คงช่วยเป็นหูเป็นหาได้เป็นอย่างดี" นายเทพไท กล่าว
ส่วนการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์คงเป็นไปตามรูปแบบที่กำหนดไว้ คือ ใช้เวทีปราศรัยทำความเข้าใจกับประชาชน การเคาะประตูบ้านพบกับประชาชนในย่านชุมชน สิ่งที่พรรคกำชับ ส.ส.และคนที่ไปช่วยรณรงค์หาเสียงคือต้องระวังไม่ใช่เวทีไปพาดพิงให้คู่แข่งขันได้รับความเสียหาย โดยจัดทำเอกสารคู่มือว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรทำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการร้องเรียนคัดค้านผลการเลือกตั้งในภายหลัง ดังนั้นประเด็นที่เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายคงเกิดได้ยาก
นายเทพไท กล่าวว่า หัวหน้าพรรคจะลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงหรือไม่นั้นคงต้องดูสถานการณ์ว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน เพราะขณะนี้แกนนำพรรคสามารถช่วยหาเสียงได้อยู่แล้ว
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวว่า แนวทางการหาเสียงของพรรคนั้นจะมี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และส.ส.นนทบุรี ลงพื้นที่ไปให้กำลังใจผู้สมัคร หลังจากนั้นจะเปิดเวทีปราศรัยทันที โดย พล.อ.ชวลิต จะปราศรัยเรื่องแผนการพัฒนาภาคใต้ ส่วนตนเองและหัวหน้าพรรคจะพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง ทั้งนี้ตนเองได้หารือกับนายวรวุฒิที่ลงพื้นที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้วว่าจะไปพบปะกับพี่น้องเสื้อแดงในภาคใต้พร้อมกัน
"พรรคเพื่อไทยประกาศตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่ได้คาดหวังว่าจะชนะการเลือกตั้ง จึงไม่รู้สึกกดดันอะไรเลย เนื่องจากรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่ต้น แต่ชัยชนะของนายวรวุฒิ คือการได้บอกความจริงให้กับประชาชนภาคใต้รับทราบ ซึ่งการเริ่มต้นต่อสู้ครั้งนี้กล้าประกาศว่าจะแพ้ แต่กล้าที่จะสู้ กล้าที่จะเปลี่ยน" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า การหาเสียงครั้งนี้จะชูคำขวัญว่า"หยุดผูกขาดสุราษฎร์ธานี" เพราะในจังหวัดสุราษฎร์ฯ นอกจากจะมีพรรคการเมืองหนึ่งผูกขาดแล้ว ยังไปล็อกสเปคให้ผู้สมัครตระกูลใดตระกูลหนึ่งอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่เจตนารมณ์ของการเป็นพรรคการเมืองต้องกล้านำเสนอให้เป็นทางเลือกกับประชาชน และการลงพื้นที่ครั้งนี้คาดหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้นที่ จ.สุราษฎร์ฯ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไปหาเสียงที่ไหนก็จะเจอปัญหาทุกที่เหมือนกัน ดังนั้นขอให้ร่วมสร้างบรรยากาศในการรณรงค์หาเสียง เพื่อวันที่พรรคประชฺปัตย์ไปอีสานหรือจังหวัดภาคเหนือก็จะได้รับการยอมรับการปฏิบัติอย่างเดียวกัน
"หลายคนที่เป็นห่วงว่าไปจังหวัดสุราษฎร์ฯ มีอะไรน่ากลัว ผมบอกว่าไม่น่ากลัว นายสุเทพก็เกิดที่นั่น ผมก็เกิดที่นั่น แต่ถ้าต้องการจะสร้างบรรยากาศว่าข้าจะทำอะไรก็ได้นั้น ไม่มีใครที่จะทำอย่างนั้นได้ ผมลงไปก็ไม่มีอะไรที่หวั่นกลัว และเชื่อว่านายสุเทพก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เพราะเวลา 20 กว่าวัน ควรจะรณรงค์หาเสียงอย่างสุภาพบุรุษและ ตรงไปตรงมา ส่วนผลการตัดสินแม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะคิดว่าชนะอยู่แล้ว แต่เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทำความจริงให้ปรากฎ และได้พูดครบทุกพื้นที่ก็ถือว่าพอใจแล้ว ผลคะแนนได้เท่าไร่ถือว่าเป็นผลพลอยได้ พรรคเพื่อไทยรักไทยเดิมเคยได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ เมื่อปี 48 ในพื้นที่ภาคใต้ถึง1ล้านคะแนน วันนี้เราก็ไปตามหาคะแนนเดิมที่เราเคยได้" นายจตุพร กล่าว