นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ออกโรงแจงแทนนายอริสมันต์พงษ์ เรืองรอง แกนนำกลุ่ม นปช.ซึ่งหลบหนีหมายจับไปอยู่ต่างประเทศ โดยยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มชายต้องสงสัยที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) จับกุมตัวได้จากรีสอร์ทแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่
"ต้องบอกว่าเป็นวิธีสามานย์ ตอนแรกเจ้าหน้าที่ไม่ตั้งข้อกล่าวหาบอกว่ามีความผิดมาก ต่อมาก็ไปล็อบบี้เพื่อให้การตามที่ตัวเองต้องการ เหมือนที่เคยใช้กับนายเมธี อมรวุฒิกุล ดาราคนเสื้อแดง เพื่อให้ใส่ร้ายคนอื่น จะได้รอดพ้นไม่ถูกดำเนินคดีและกันไว้เป็นพยาน และพยายามเชื่อมโยงมาถึงนายอริสมันต์ ซึ่งล่าสุดได้สื่อสารผ่านผมโดยไม่ได้ระบุถึงสถานที่ ปฏิเสธว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง นอกจากจะไม่รู้จักแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปกักขัง 4 วัน หรือให้ไปฝึกอาวุธที่กัมพูชาเพื่อเตรียมก่อเหตุสังหารบุคคลสำคัญ ล้มสถาบันหรือจะไปก่อวินาศกรรม" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องนี้อยากให้ตำรวจไปฟังความเห็นของ พ.ต.ท.สมชาย เพสประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาตั้งข้อสังเกตกรณีการเสียชีวิตของนายสมัย วงศ์สุวรรณ์ จากเหตุระเบิดย่านบางบัวทองว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง
"คนในรัฐบาลอยากทำให้ความตายนายสมัยเป็นโอเอซิสทุกคดี ไม่ว่าเกิดเหตุที่ไหนมักจะเชื่อมโยงมาถึงนายสมัยทั้งหมด" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า จุดยืนคนเสื้อแดงไม่ใช้ความรุนแรง ต่อสู้ด้วยความสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ แนวทางอื่นไม่ใช่ของเรา จะใช้เลือดล้างเลือด หรือความตายแลกด้วยความตายไม่ได้ แต่การต่อสู้ต้องเป็นไปอย่างสันติเท่านั้นเพื่อให้ได้รับชัยชนะ
นายจตุพร กล่าวว่า การที่นายบันคี มูน เลขาสหประชาชาติ(ยูเอ็น) มีกำหนดการเยือนประเทศไทยในวันที่ 26 ต.ค.นี้ กลุ่ม นปช.จะส่งตัวแทนฝ่ายกฎหมาย นักวิชาการ ญาติผู้เสียขีวิต บาดเจ็บประมาณ 10 คนไปยื่นหนังสือ พร้อมหลักฐานภาพถ่าย วีซีดีการเสียชีวิตช่วงการชุมนุมทั้ง 91ศพ และผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 2,000 คน พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง
"นายบันคี มูน เดินทางมาในฐานะแขกรัฐบาลอาจได้ข้อมูลมาบ้างแล้ว เราหวังอยากให้ได้ข้อมูลอีกด้านจากคนเสื้อแดงด้วย และขอให้รัฐบาลใจกว้าง ให้ตัวแทนคนเสื้อแดงเข้าไปยื่นหนังสือโดยใช้เวลาไม่นาน เมื่อแล้วเสร็จก็จะกลับอย่างสงบเรียบร้อย" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลว่า ยังเชื่อว่าถึงอย่างไร รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยังคงกอดคอพรรคภูมิใจไทยต่อไป เพื่อที่จะได้เฉลี่ยความชิงชังจากรัฐบาล หากใครกล่าวหารัฐบาลเลวหรือโกง แต่ข้อเท็จจริงพรรคภูมิใจไทยนั้นเลวและโกงยิ่งกว่า ถ้าหากปรับคนในพรรคภูมิใจไทยก็จะเหลือความชิงชังแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ส่วนกรณีที่จะดัดจริตไปตั้งคนในพรรคภูมิใจไทยไปตรวจรัฐมนตรีที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา รัฐมนตรีใครก็ตรวจสอบได้ แต่ถามว่า รัฐมนโทอย่างนายเนวิน ชิดชอบ ที่สามารถสั่งการรัฐมนตรีได้ กล้าไปตรวจสอบหรือไม่
นายจตุพร กล่าวว่า การตั้งโต๊ะล่ารายชื่อสนับสนุน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคภูมิใจไทย โดยผู้ไปลงรายชื่อจะได้รับถุงผ้าหนึ่งใบ ภายในมีข้าวสาร 2 ถุงจากกระทรวงพาณิชย์ โดยใช้งบประมาณแผ่นดิน โดยที่กฎหมายดังกล่าวไม่ได้ทำเพื่อประชาชน แต่ไปนิรโทษให้ฆาตกรที่สั่งฆ่าประชาชน
"ไม่แปลกใจพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยยังอยู่ร่วมกันได้เหมือนผีแห้งกับโลงผุ และขอให้เลิกคิดว่าในอนาคตพรรคเพื่อไทยจะไปรวมกับพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ หากไปเมื่อไหร่ประชาชนจะทิ้งเมื่อนั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย เหมือนพระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันตก วันนี้ขอให้ฆาตรกรอยู่กับฆาตรกรต่อไป" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร ยังกล่าวถึงคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขณะนี้ได้ทราบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือว่ามีกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่งกำลังคิดหาทางช่วยพรรคประชาธิปัตย์ให้หลุดพ้นคดียุบพรรคในประเด็นข้อกฎหมาย หลังจากการพิจารณาได้เดินทางมาถึงจุดที่พรรคประชาธิปัตย์จำนนต่อหลักฐาน โดยกำลังพยายามเข้าหาขอร้องให้นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะนายทะเบียน ให้มาเบิกความต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นข้อกฎหมายว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองไม่มีอำนาจร้องขอให้ยุบพรรค ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นคำร้องต่อสู้คดีในข้อกฎหมาย และได้ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งนายอภิชาตจะมาในฐานะพยานของศาลรัฐธรรมนูญ
"ตรงนี้จะแตกต่างจากการพิจารณายุบพรรคการเมือง 19 พรรค ที่ไม่เคยมีกระบวนการนี้ จึงอยากร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้มีการปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน" นายจตุพร กล่าว
หากในที่สุดนายอภิชาตถูกศาลรัฐธรรมนูญเรียกไปจริง ก็จะต้องยืนยันข้อกฎหมายที่ทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญไว้ โดยยืนยันว่าตนเองมีอำนาจร้องขอให้ยุบพรรค หากให้การไม่ตรงแล้วจะถือว่านายอภิชาตปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองโดยไม่ชอบ