พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน พนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เผยคำให้การของกลุ่มนักรบแดง 11 คนที่จับกุมได้จากดอยคู่ฟ้ารีสอร์ท อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดี ดีเอสไอจึงจะกันกลุ่มคนเหล่านี้ไว้เป็นพยาน
โดยผลสอบสวนสรุปได้ว่า กลุ่มคนเหล่านี้ได้เข้าร่วมชุนนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ตั้งแต่เริ่มชุมนุมช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ซึ่งจำนวนนี้หลายคนถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ บางคนมีหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยหลังได้รับประกันตัวแล้วได้หลบหนี
ระหว่างหลบหนีมีกลุ่มแกนนำระดับรอง โดยเฉพาะกลุ่มรักษ์เชียงใหม่ 51 ซึ่งนำโดย นางกัญญาภัค มณีจักร หรือ ดีเจอ้อม และนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ติดต่อประสานเพื่อหาคนไปฝึกอาวุธที่ประเทศกัมพูชาจำนวน 39 คน โดยมีผู้ประสานงานแบ่งออกมาเป็น 2-3 สาย ทุกเส้นทางไม่ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นจะถูกนำตัวเข้ารับการฝึกที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งที่ จ.เสียมเรียบ เป็นเวลา 3 สัปดาห์
สำหรับการฝึกสัปดาห์แรก มีการให้ความรู้ ปลุกระดมสมอง ปลูกฝังความเชื่อที่ผิดๆ สัปดาห์ที่สองเป็นการฝึกด้านอาวุธศึกษา วิธีการใช้เอ็ม 16, อาก้า, เอ็ม 79, ระเบิดซีโฟร์ และอื่นๆ ส่วนสัปดาห์สุดท้ายเป็นการฝึกอาวุธจริง กระสุนจริง ระเบิดจริง ในระหว่างฝึกจะได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงเป็นค่าตอบแทนไม่มากนัก แต่หลังการฝึกทุกคนจะได้รับเงินเป็นจำนวน 20,000 บาท และกลับเข้ามาในประเทศเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ผ่านเข้ามาทางชายแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ อย่างไรก็ตามผู้ที่เข้ารับการฝึกทั้ง 39 คน เดินทางกลับเข้ามาเพียง 35 คน ที่เหลืออีก 4 คนนั้น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่ม นปช.ที่หลบหนีหมายจับอยู่ในต่างประเทศไม่ให้กลับมาแต่ได้นำตัวไว้เป็นการ์ดของตัวเอง โดยหนึ่งในจำนวนนั้นมีนายมงคล สารพัน ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายรวมอยู่ด้วย
พ.ต.ท.พเยาว์ กล่าวว่า ขณะที่กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ในกัมพูชาได้พบแกนนำที่หลบหนีหลายคนอยู่ที่นั่น รวมทั้งพบกลุ่มดีเจภาคเหนือ รวมทั้งผู้ประสานงานของกลุ่ม นปช.อีก 2 คน ซึ่งเป็นผู้ติดต่อให้ทั้ง 11 คน มารวมตัวกันที่ดอยคู่ฟ้ารีสอร์ท จ.เชียงใหม่ ก่อนเริ่มปฏิบัติการประทุษร้ายบุคคลและสถานที่ โดยเก็บตัวคนเหล่านี้ไว้นานกว่า 1 เดือน แต่ระหว่างนั้นนายกิตติชัย จันทร์สวัสดิ์ ทนไม่ไหวและได้หลบหนีออกมาก่อน โดยขอให้ชาวบ้านพาไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่เหลืออีก 24 คนที่ได้รับการฝึกมาแล้วก็กระจายกันอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากคนเหล่านี้มีหลายกลุ่ม บางคนอยู่ลพบุรี, กทม., ชลบุรี และสระบุรี
พ.ต.ท.พเยาว์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนพบแผนที่บ้านของผู้นำที่เป้าหมายถูกปองร้าย รวมทั้งชิปขนาดเท่าซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ระบุรหัสลับประจำตัวเป็นโค้ดซึ่งใช้เรียกแทนชื่อจริงมีข้อความเป็นภาษาอังกฤษซึ่งทหารกัมพูชาเป็นผู้จัดทำให้ อีกทั้งพบแผนที่บ้านและเส้นทางเดินรถของบุคคลสำคัญด้วย