นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นเบิกความเป็นพยานในคดียุบพรรค โดยยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงโครงการจ้างจัดทำบิลบอร์ด 8 ล้านบาท มาเป็นป้ายขนาดเล็กเพื่อให้เกิดความทั่วถึงนั้น การดำเนินการในเรื่องนี้ได้ประสานเป็นการภายในกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ก่อนหน้าที่จะดำเนินการแล้ว โดยหลังจากได้ดำเนินการก็ได้จัดทำรายงานค่าใช้จ่าย ซึ่งประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ให้ความเห็นชอบ และทำหนังสือแจ้งยุติการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
ส่วนรายละเอียดการว่าจ้างนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้รับทราบ เพราะไม่ได้มีส่วนเกียวข้อง แต่เห็นว่าจากที่มีการออกเช็คสั่งจ่ายให้บริษัท เกิดเมฆ จำกัด ทั้งที่ผู้รับจ้างคือ น.ส.วาศินี ทองเจือนั้น เป็นการสั่งจ่ายเช็คให้ตามความเป็นจริง เนื่องจากเห็นว่าเป็นบริษัทที่เป็นเครือเดียวกัน อีกทั้งการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวหากเป็นความผิดจริง กกต.ก็น่าจะแจ้งให้ชี้แจงเหมือนในอดีตที่เคยมีโครงการเกี่ยวข้องกับการจัดทำเทคโนโลยีสารสนเทศที่บริษัทเปลี่ยนแปลงโครงการจากเดิมไปใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์แล้วถูก กกต.ท้วงติงมา พรรคก็คืนเงินในส่วนดังกล่าว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พรรคไม่มีเจตนาที่จะทุจริต
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะเห็นได้ว่ามีความพยายามจะใส่ร้ายป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้เชื่อมโยงความผิดมาถึงตน กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นผู้บริหารพรรคในปัจจุบัน ทั้งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ได้ขึ้นเบิกความในฐานะพยานเช่นกัน โดยระบุว่า ข้อกล่าวหาของผู้ร้องไม่ถูกต้อง เพราะการใช้เงินดังกล่าวได้รับการรับรองจาก กกต.มาแล้ว แต่กลับมายื่นคำร้องในสิ่งที่ได้เคยรับรองไว้ ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นกระบวนการจ้องล้างแค้นของระบอบทักษิณ เพราะไม่พอใจที่ตนและนายสุเทพ เคยดำเนินคดีจนมีการยุบพรรคพลังประชาชนและพรรคไทยรักไทย ทำให้ พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) พร้อมพวกพ้องได้ดิบได้ดีจากระบอบทักษิณ ดังนั้นจึงหาช่องทางกลั่นแกล้ง โดยเตรียมคำให้การของนายประจวบ สังข์ขาว กรรมการบริษัท เมสไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ไว้ล่วงหน้าเพื่อใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ และจะให้ค่าตอบแทน 5 ล้านบาท ซึ่งข้อมูลนี้มาจากคำบอกเล่าของนายประจวบ เอง