นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2553 และเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 18 ณ เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน 2553
โดยในเวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ไปนครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดกีฬาเอเชียนเกมส์ คร้งที่ 16 และมีกำหนดการหารือข้อราชการกับนายเวิน เจีย เปา นายกรัฐมนตรีของจีน
การเดินทางเยือนครั้งนี้เป็นการตอบรับไมตรีจิตสืบเนื่องจากการเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการในปีที่แล้ว พร้อมกับกระชับความสัมพันธ์โดยเฉพาะเรื่องสินค้าเกษตรและผลไม้ไทย และใช้โอกาสกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ในการประชาสัมพันธ์ผลไม้ ซึ่งได้มีการส่งมอบผลไม้ไทย 10 ประเภทคุณภาพดี เพื่อใช้เป็นของขวัญแก่บรรดาบุคคลสำคัญที่มาร่วมมหกรรมกีฬาในครั้งนี้และเพื่อจัดเลี้ยงอาหารแก่นักกีฬาด้วย
ในการหารือกับนายกรัฐมนตรีของจีน นายกรัฐมนตรีจะหยิบยกประเด็นความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างไทยกับจีนที่สำคัญ เช่น การปรับเป้าหมายทางการค้าการลงทุนและท่องเที่ยวระหว่างกันใหม่ ขณะเดียวกันยังมีความร่วมมือในบางสาขาที่อยู่ระหว่างการเจรจาและดำเนินการอยู่ คือ เรื่องรถไฟ(ความร่วมมือในการพัฒนากิจการรถไฟในเส้นทางหลัก 3 เส้นทางคือ เส้นทางกรุงเทพฯ — หนองคาย, เส้นทางกรุงเทพระยอง และเส้นทางกรุงเทพ- สุดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ) โดยครั้งนี้รัฐสภาไทยได้อนุมัติกรอบการเจรจาแล้ว จึงเป็นโอกาสดีที่ไทยจะยืนยันว่ามีความสนใจที่จะเจรจาและทำความตกลงในเรื่องนี้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องอุตสาหกรรมบันเทิงไทย โดยเฉพาะเรื่องของรายการโทรทัศน์และละครที่จะเข้าไปฉายในประเทศจีน ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมไทยและสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะได้เข้าไปทำในเรื่องนี้ และมีความคืบหน้าดี โดยรวมจึงเป็นโอกาสดีที่จะกระตุ้นในเรื่องของความสัมพันธ์ทวิภาคีในครั้งนี้
ภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีเปิดกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางจากนครกว่างโจวไปยังท่าอากาศยานฮาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น และเดินทางต่อไปยังเมืองโยโกฮามา เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน 2553 โดยมีภารกิจที่สำคัญคือ การประชุม Leaders’ Retreat Session 1 หัวข้อ Sustainable Growth and Prosperity in the Region และการประชุม Leaders’ Retreat Session 2 หัวข้อ Economic Integration and the Future of APEC โดยระหว่างการประชุมจะมีการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค Dialogue with ABAC และร่วมในพิธีแถลงปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม เพื่อแสดงถึงผลสำเร็จในการประชุมอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีกำหนดการการหารือข้อราชการทวิภาคีกับผู้นำเขตเศรษฐกิจต่างๆ เช่น นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียและประธานาธิบดีชิลี ซึ่งจะมีการแถลงการร่วมเพื่อยืนยันการเริ่มต้นเจรจากรอบความตกลงเขตการค้าเสรีไทย — ชิลี รวมทั้งการพบปะหารือกับภาคธุรกิจ เช่น นักธุรกิจสหรัฐฯ ชั้นนำ หรือ US-APEC Business Coalition และหารือระหว่างอาหารเช้ากับสภาเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก Pacific Basin Economic Council — PBEC ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้ในการสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจแก่นักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ
สำหรับการเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มี 2 ประเด็นหลัก คือ การให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุลเป็นธรรมและทั่วถึง เน้นการสร้างการเจริญเติบโตอย่างมั่นคงมากกว่าการเติบโตทางตัวเลข และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมายโบกอร์ ประเด็นที่สอง คือ การรวมตัวทางเศรษฐกิจและการมองไปข้างหน้าของความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ความเป็นไปได้ที่จะมีเขตการค้าเสรีและเป้าหมายโบกอร์ที่เคยตกลงไว้ และเร่งรัดให้เกิดการค้าเสรีในเอเชียแปซิฟิกและความร่วมมือในภูมิภาค