นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อกรณีข่าวที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีเตรียมที่จะมีการยุบสภาว่าเป็นเพียงการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น โดยได้หยิบยกขึ้นมาระบุว่าเป็นหนึ่งในทางออกหากมีความจำเป็นก็สามารถทำได้
"นายกฯ ปรารภเรื่องการยุบสภาหรือไม่นั้นในที่ประชุมพรรค เป็นเรื่องการอภิปรายในที่ประชุมว่า ถ้าบ้านเมืองเกิดอย่างนั้นอย่างนี้จะทำอย่างไร ซึ่งนายกฯบอกว่าเราต้องแก้ไขปัญหาไปเรื่อยๆ ทุกอย่างไม่ต้องวิตกกังวล เรามีวิธีการแก้ไข ส่วนการยุบสภาก็เป็นทางออกหนึ่งในการแก้ไขสถานการณ์ถ้ามีความจำเป็นก็ทำได้ ไม่มีปัญหาอะไร" นายสุเทพ กล่าว
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอาจออกมาคัดค้านในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจนนำไปสู่การปฏิวัติเกิดขึ้น นายสุเทพ มองว่า ขณะนี้มีเพียงแต่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคที่แสดงความกังวลใจในที่ประชุมพรรคเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจะมีการหารือในรายละเอียดอีกครั้งในที่ประชุมพรรควันจันทร์หน้า แต่ยืนยันว่าในส่วนความเห็นพรรค ปชป.ต้องเดินไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาลและจะไม่ให้มีการฟรีโหวต
อย่างไรก็ตาม ทางพรรค ปชป.ยังไม่ได้ประเมินถึงแรงต่อต้านจากทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงหรือพันธมิตรฯ เองที่อาจออกมาคัดค้านในเรื่องนี้ พร้อมทั้งยืนยันว่าทางพรรคไม่ได้รู้สึกผิดหวังที่คณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธานมีความเห็นว่า ควรมีการแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว
นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีปัญหาของ 2 รัฐมนตรี คือนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม จากพรรคชาติไทยพัฒนาว่า ให้รอดูการตัดสินใจของ 2 รัฐมนตรีในช่วงที่จะมีการรับสมัครเลือกตั้งซ่อม พร้อมยืนยันว่าขณะนี้บรรยากาศการทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลไม่เกิดปัญหา
"การตัดสินใจของรัฐมนตรีทั้ง 2 จะต้องไปดูวันที่ท่านลงสมัครรับเลือกตั้ง...ผมคงไม่พูดอะไรมาก แต่เรียนยืนยันว่า ให้ไปดูวันลงรับสมัครเลือกตั้งแล้วกัน"นายสุเทพ กล่าว
ทั้งนี้ พรรคปชป. ไม่มีแนวความคิดที่จะกดดันหรือบังคับการตัดสินใจของทั้ง 2 รัฐมนตรี ถ้ามีการลาออกของทั้ง 2 ถือเป็นการแสดงสปิริต ส่วนจะส่งผลดีต่อคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายสุเทพ มองว่า การตัดสินใจเรื่องนี้อาจอยู่ภายในใจของทั้ง 2 อยู่แล้วเพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกใคร พร้อมทั้งขอร้องว่าไม่ควรจะนำบรรทัดฐานของตนเองไปตัดสินใจความคิดเห็นของพรรคร่วมฯ และยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดที่จะเอามติพรรคปปช.ไปกดดันใดๆ ทั้งสิ้น