พธม.นัด 23-25 พ.ย.ชุมนุมค้านแก้ รธน.,ชี้นายกฯจงใจทำขัดแย้งหวังยุบสภา

ข่าวการเมือง Friday November 19, 2010 12:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ออกแถลงการณ์คัดค้านการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา โดยเตรียมนัดชุมนุมคัดค้านที่บริเวณหน้ารัฐสภาในวันที่ 23-25 พ.ย.นี้ เพื่อเรียกร้องให้มีการถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ฉบับ พร้อมทั้งประณามรัฐบาลพยายามสร้างเงื่อนไขให้เกิดวิกฤตทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การยุบสภา

"ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าใช้สิทธิในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการฉีกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 ซึ่งเป็นฉบับลงประชามติครั้งแรกของปวงชนชาวไทยด้วยคะแนนเสียงถึง 14 ล้าน 7 แสนคน ด้วยการมาชุมนุมตามกรอบของกฎหมายที่หน้ารัฐสภาระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ตั้งแต่เวลา 8.00 น.จนถึงการปิดประชุมรัฐสภาในแต่ละวัน จนกว่าจะมีการถอนร่างหรือลงมติไม่รับรองการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกฉบับ" นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 13/2553 เรื่องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หยุดสร้างเงื่อนไขวิกฤติเพื่อยุบสภา

แถลงการณ์ฯ ระบุว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ถือว่าเป็นการแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองกันเอง โดยประเทศชาติและประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งรัฐบาลยังใช้เล่ห์เพทุบายตั้งคณะกรรมการหลายชุดเพียงเพื่อตบตาประชาชนโดยจำกัดการศึกษาเฉพาะประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ของนักการเมืองเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ ได้ออกแถลงการณ์รัฐบาลมาแล้วถึง 4 ครั้ง

นอกจากรัฐบาลจะไม่รับฟังคำทักท้วงจากภาคประชาชนแล้ว ที่ประชุมของวิป 3 ฝ่ายของสมาชิกรัฐสภายังเห็นชอบให้นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บรรจุเอาไว้ก่อนหน้านี้เข้าพิจารณาขอความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาด้วยอีก 2 ฉบับ คือ ร่างแก้ไขฯ ของคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550(คปพร.) ที่ยึดถือเอารัฐธรรมนูญปี 2540 ทั้งฉบับ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ คัดค้านต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 51 และร่างแก้ไขฯ ของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล

"การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนอกจากจะไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่มีความเคารพต่อประชาชนเสียงข้างมาก 14 ล้าน 7 แสนคนที่ลงประชามติในรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว และยังถือว่ารัฐบาลได้เหยียบย่ำและทรยศต่อพี่น้องประชาชนที่ได้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 193 วัน ที่ต้องเสียสละ เลือด เนื้อ และชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับประชามติของประชาชนตลอดปี พ.ศ. 2551" แถลงการณ์ฯ

แถลงการณ์ฯ ระบุว่า หากกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ออกมาเคลื่อนไหวตั้งแต่ปี 49 ระบอบทักษิณก็จะครองประเทศอย่างที่ไม่มีใครที่จะไปตรวจสอบใดๆ ได้ และคงไม่มีพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในปัจจุบัน

"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ยินดีหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมีการลงประชามติ จึงไม่ได้ทำผิดสัญญาใดๆ กับทุกฝ่าย แต่มาในวันนี้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์กลับเห็นชอบสนับสนุนในการประชุมคณะรัฐมนตรีจนนำเสนอให้ที่ประชุมของสมาชิกรัฐสภาเพื่อพิจารณาได้โดยไม่ผ่านการลงประชามติใดๆทั้งสิ้น แล้วยังมาใช้ข้ออ้างในการตระบัดสัตย์ต่อคำมั่นสัญญาของตัวเองอย่างไร้สำนึกว่ามีฝ่ายคัดค้านในการทำประชามติและกลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นการถ่วงเวลา" แถลงการณ์ฯ ระบุ

การที่สมาชิกรัฐสภาตัดสินใจนำร่างแก้ไขฯ ของ คปพร.เข้าสู่การพิจารณาย่อมเป็นชนวนสาเหตุอันสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องเผชิญหน้า เพราะรัฐบาลย่อมทราบดีอยู่แล้วว่ากลุ่มพันธมิตรฯ คัดค้านรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 51

"รัฐบาลจงใจที่จะสร้างสถานการณ์ทำลายบรรยากาศความสงบเรียบร้อยในชาติ เจตนาสร้างความขัดแย้งและการเผชิญหน้าอย่างชัดเจน และหากเกิดความขัดแย้งรุนแรงนายกรัฐมนตรีก็จะได้อาศัยเป็นสาเหตุในการยุบสภา โดยโยนความผิดให้กับความขัดแย้งของภาคประชาชนอย่างไร้ความรับผิดชอบ" แถลงการณ์ฯ ระบุ

นอกจากนี้ รัฐบาลพยายามจะใช้การประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน นานเกินความจำเป็น โดยมุ่งหวังดัดแปลงเป็นเครื่องมือเผด็จการที่จะลงโทษและทำลายขบวนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่คัดค้านประเด็นผลประโยชน์แห่งชาติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

แถลงการณ์ฯ เรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ถอนวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกจากที่ประชุมรัฐสภา หรือสมาชิกรัฐสภาได้โปรดลงมติไม่เห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว เพื่อความเรียบร้อยสงบสุขของประเทศชาติบ้านเมือง และได้โปรดดำเนินการจัดการลงประชามติเพื่อขอความเห็นชอบจากประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยุติความขัดแย้งทั้งปวง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ