พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง กล่าวภายหลังเดินทางเข้าชี้แจงต่อศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ถึงกรณีปราศรัยบนเวทีพรรคเพื่อไทยและเวทีกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(นปช.) ว่า ตนเองได้ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริงว่าคำปราศรัยแต่ละครั้งหมายความว่าอย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่สอบสวนก็เข้าใจและยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ไม่รู้ว่าหลังปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้วจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งตนเองไม่รู้สึกกังวลเพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
ขณะเดียวกัน ศอฉ.ได้ขอความร่วมมือในการปราศรัยว่าควรพูดอย่างไรที่จะทำให้คนในชาติเกิดความปรองดองกัน ซึ่งที่ผ่านมาตนเองก็ทำมาโดยตลอด เพราะส่วนตัวก็สนับสนุนการปรองดองอยู่แล้ว
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สอบสวนได้ซักถามถึงกรณีที่ตนเองปราศรัยพาดพิงถึงอำมาตย์ใหญ่ว่าหมายถึงใคร ซึ่งตนเองได้ระบุยศและชื่อให้กับเจ้าหน้าที่ได้รับทราบ แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด แต่ส่วนตัวเห็นว่าอำมาตย์ใหญ่ควรจะได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยผ่านบุคคลที่ไว้ใจได้ เพราะหากคู่กรณีไม่ได้พูดคุยกันความปรองดองก็จะไม่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากผลสอบสวนออกมาแล้วพบว่าการปราศรัยของตนเองผิดกฎหมายก็พร้อมรับคำตัดสิน
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ตนเองได้เรียกร้องกับเจ้าหน้าที่สอบสวนกรณีที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) มีแนวโน้มที่จะขอถอนประกันนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช.ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ไม่ควรดำเนินการในลักษณะดังกล่าว เพราะการชุมนุมที่ไม่มีแกนนำฯ อาจทำให้เกิดความปั่นป่วนและควบคุมไม่ได้