นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายงาน เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ว่า ได้มีโอกาสหารือทวิภาคีกับ สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระหว่างการร่วมประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 5 ประเทศ.ลุ่มแม่น้ำอิรวดี เจ้าพระยา และลุ่มแม่น้ำโขง เกี่ยวกับประสาทพระวิหาร โดยยืนยันว่าฝ่ายไทยพื้นที่ตามแนวสันปันน้ำและคำพิพากษาศาลโลก ปี 2505 และยืนยันไม่ยินยอมที่จะให้ฝ่ายกัมพูชาเสนอแผนจัดการพื้นที่ที่อยู่ฝั่งไทย เพราะกระทบสิทธิของไทย ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เงื่อนไขการขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในเดือน มิ.ย.54 นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งมากขึ้น
"ผมเห็นว่าสำคัญ เพราะเรื่องนี้ทำให้กัมพูชาเสนอแผนจัดการพื้นที่ที่อยู่ฝั่งนี้ในสันปันน้ำซึ่งเรายอมไม่ได้ และเขมรยังเสนอแผนไม่ได้ เพราะมีการทำเอ็มโอยู...หากเขมรทำแผน จะกระทบสิทธิของไทย เพราะทำให้เกิดปัญหาที่ยูเนสโกจะเข้ามาบริหารจัดการในพิ้นที่ดินแดนไทย เราได้ยืนยันว่าฝ่ายไทยเห็นว่าทำไมได้และเป็นเงื่อนไขความตึงเครียดและความขัดแย้ง...ผมบอกว่าข้อตกลงปี 43 มีความชัดเจนว่าสองฝ่ายจะไม่เข้าไปดำเนินการใดๆ ในพื้นที่ก่อนมีการตกลง ซึ่งตลาด ชุมชุม วัด หากปรับสภาพพื้นที่จะละเมิดขัอตกลง ซึ่งนายกฯฮุนเซนรับทราบ" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันทำหน้าที่ปกป้องดินแดนไทย และจุดยืนของไทย และเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป โดยไทยต้องไม่เสียสิทธิและหลีกเลี่ยงนำไปสู่การปะทะหรือใช้ความรุนแรง และขอให้ประชาชนมั่นว่าว่ารัฐบาลไม่มีประโยชน์แอบแฝง