ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 4 ต่อ 2 วินิจฉัยยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ในคดีการใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาทผิดวัตถุประสงค์ โดยเห็นว่ากระบวนการยื่นคำร้องคดียุบพรรคของนายทะเบียนพรรคการเมืองไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย เนื่องจากการยื่นคำร้องล่าช้าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 กำหนดว่านายทะเบียบพรรคการ เมืองรับทราบเรื่องดังกล่าวจะต้องยื่นคำร้องต่อศาลภายใน 15 วัน และในกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ชี้ให้เห็นว่านายทะเบียบพรรคการเมืองได้รับทราบการกระทำความผิดของพรรค ปชป.ในวันที่ 17 ธ.ค.52 แต่นายทะเบียนได้ยื่นคำร้องในวันที่ 21 เม.ย.53 ซึ่งเลยระยะเวลากว่าที่กฎหมายกำหนดไว้
ดังนั้น ศาลเห็นว่าเมื่อเป็นเช่นนี้กระบวนการยื่นคำร้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำร้องอื่นที่นอกเหนือจากนี้ศาลจึงไม่จำเป็นต้องพิจารณา และมีมติ 4 ต่อ 2 ให้ยกคำร้อง
รายงานข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ตุลาการฯ เสียงข้างมาก 4 คนเห็นว่าคดีดังกล่าวหมดอายุความ เนื่องจาก กกต.ไม่ได้ยื่นคำร้องตามเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่ตุลาการฯ เสียงข้างน้อย 2 คน ได้แก่ นายชัช ชลวร และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี เห็นว่าควรมีการพิจารณาในข้อเท็จจริง แต่เมื่อตุลาการเสียงข้างมากวินิจฉัยว่าประเด็นกระบวนการยื่นคำร้องไม่ถูกต้อง จึงไม่มีการพิจารณาต่อในประเด็นข้อเท็จจริง
นายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายความคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังศาลฯยกคำร้องว่า แนวทางการต่อสู้คดีของพรรคในประเด็นเงินบริจาค 258 ล้านบาทคาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีเช่นกัน แต่หากมีการดำเนินคดีก็จะใช้ช่องทางการต่อสู้ในข้ออกฎหมายเช่นเดียวกับคดีนี้