นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้(30 พ.ย.) พรรคเพื่อไทยจะประชุมเรื่องผลการตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์จากการใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาทผิดวัตถุประสงค์ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ยกคำร้องไป โดยจะหารือร่วมกับคดีเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท เพื่อพิจารณาว่าจะมีช่องทางกฎหมายให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ อาจจะยื่นฟ้องต่อศาลใหม่อีกครั้งเพื่อให้ศาลพิจารณาเนื้อหาของคดีเงินกองทุนฯ 29 ล้านบาท เพราะการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ไม่ได้พิจารณาเนื้อหาของคดีเลย
"พรรคต้องการเตะลูกเข้าไปใหม่ เพราะศาลโยนลูกออกจากสนาม ส่วนเรื่องเอกสารเผยแพร่ในคดีนี้นั้น พรรคจะไม่ทำ แต่หลังคำตัดสินคดีนี้นั้น นักวิชาการ นักกฎหมาย นักการเมืองคงจะออกมาวิจารณ์กัน เพราะเรื่องนี้สังคมกังขา ส่วนจะยื่นถอดถอนองค์คณะตุลาการฯ หรือไม่นั้น คงจะไม่ดำเนินการในตอนนี้ เพราะต้องหารือกันก่อน เราจะไม่ใช่จะทำอะไรทันทีแบบขี้แพ้ชวนตี" นายพร้อมพงศ์กล่าว
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์วันนี้นั้น ตนในฐานะที่ติดตามคดีนี้มาตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกว่าเป็นไปตามที่คาดหมายไว้ เพราะกรณีที่ก่อนที่จะมีคำตัดสินคดีนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ออกหนังสือความจริงสู้อธรรม จากนั้นตุลาการ 3 คนได้ฟ้องร้องตน ต่อมาตุลาการบางคนได้ยื่นถอนตัวในการพิจารณาคดีนี้ ประกอบกับการให้ข่าวของนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่ทายได้แม่นมากว่ามติศาลอาจไม่ใช่ 3:3 แต่อาจจะเป็น 4:2
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การตัดสินขององค์คณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่มีมติว่านายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคำร้องต่อศาลเกินกว่าระยะเวลาที่ศาลกำหนด ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามข้อกฎหมาย เป็นเหตุให้ศาลฯ วินิจฉัยยกคำร้องนั้น ตนมีความเห็นต่างดังนี้ 1.การเรื่องยกอายุความออกมาโดยไม่วินิจฉัยว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดหรือไม่ การยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นเรื่องเทคนิคทางกฎหมาย ศาลเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายทำไมไม่ยกคำร้องของนายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งแต่ขั้นตอนตรวจสอบคำร้องที่บรรยายอย่างละเอียดตั้งแต่ต้น และทำไมเพิ่งยกคำร้องในเวลานี้
2.เมื่อศาลไม่วินิจฉัยการสืบพยานของ 2 ฝ่ายในช่วงหลายเดือน ถามว่าศาลรัฐธรรมนูญทำอะไรให้สังคมที่อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งทางความคิด เรื่องนี้คือปัญหาข้อขัดแย้งและคงไม่มีข้อยุติต่อไป ปัญหาคือการโยนลูกออกนอกสนามโดยไม่ดูข้อเท็จจริงว่า สิ่งใดผิดหรือไม่นั้น แต่กลับไปดูเรื่องเงื่อนเวลานั้น ดังนั้นเชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่มีข้อยุติ