นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระบวนการพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวานนี้เป็นไปตามขั้นตอนของศาล ซึ่งเมื่อศาลได้พิจารณาประเด็นที่ 1 ได้ข้อยุติ ก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาในประเด็นอื่นๆ ต่อไป คงไม่สามารถไปวิพากษ์วิจารณ์ได้ และไม่มีเรื่องมือที่มองไม่เห็น
“คนที่กล่าวหาว่าเป็น 2 มาตรฐานเป็นการทำร้ายระบบของประเทศไทย ไม่มี 2 มาตรฐาน มีแค่ถูกใจกับไม่ถูกใจ" นายสุเทพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาคดีดังกล่าว ประชาชนสามารถหาข้อมูลหลักฐานคำพิพากษาเพื่อศึกษาได้อีกครั้งว่ากระบวนการยื่นคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมดขึ้นกับข้อเท็จจริง และต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ศาลได้พิจารณาไปตามกระบวนการ
ส่วนผลที่จะตามมาในเรื่องการประท้วงของผู้ที่ไม่พอใจคำตัดสินนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่คงไม่ยอมให้ใครมาก่อเหตุชุมนุมทำร้ายประเทศอีกแล้ว การชุมนุมที่ไม่ถูกกฎหมายจะต้องเลิกไปได้ และไม่ว่าจะหยิบยกเงื่อนไขเรื่องใดมาก็ไม่ควรเกิดขึ้นอีก เพราะจะทำให้ประเทศขาดทุน ทุกคนขาดทุน
นายสุเทพ กล่าวตอบผู้สื่อข่าวถึงกรณีคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทว่า เรื่องนี้คงตอบยากเพราะอยู่ในกระบวนการของศาล หากตอบไปอาจถูกมองไม่ดี ขอให้อดใจรอก่อน
นายสุเทพ กล่าวว่า หลังจากนี้นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คงจะคลายความกังวล คงมีสมาธิและกำลังใจทำงาน เดินหน้าในการสมานฉันท์และปรองดองต่อไป
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทว่า เรื่องนี้คงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ซึ่งทีมกฎหมายของพรรคก็ดูอย่และคิดว่า เร็วๆ นี้คงจะมีการประชุม ส่วนเรื่องผลของคดีคงจะไปคิดล่วงหน้าไม่ได้ เพราะการพิจารณาคงต้องว่าไปตามข้อกฎหมาย ซึ่งเชื่อว่าศาลจะให้ความเป็นธรรม
พร้อมกันนี้ อยากให้เรียกร้องกลุ่มต่าง ๆ อย่านำเงื่อนไขในเรื่องของคดีไปใช้ในการชุมนุมเพื่อก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง อยากให้คำนึงถึงความถูกต้องมากกว่าความถูกใจ
สำหรับเรื่องของการยุบสภา นายองอาจ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่จะเกิดการยุบสภาเกิดขึ้น เพราะการยุบสภาต้องมีเหตุและผล เพราะเชื่อว่าสถานการณ์ในขณะนี้รัฐบาลยังสามารถบริหารประเทศต่อไปได้ แต่นายกรัฐมนตรีเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะยุบสภาเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างเรียบร้อย บ้านเมืองมีความสงบ