In Focusดาวเด่น ดาวร้าย ดาวรุ่ง ดาวร่วง แห่งวงการเมืองต่างประเทศรอบปีเสือ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 1, 2010 11:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

การเมืองต่างประเทศปีเสือนี้ มีดาวเด่นประดับวงการอยู่หลายดวง มีทั้งที่เป็นดาวเด่นในทางร้ายๆ ดาวรุ่ง ดาวร่วง ดาวผีพุ่งใต้ก็ยังมี แต่ที่ต้องยอมรับเป็นคู่เกาเหลาตั้งแต่ต้นปียันท้ายปีในปีนี้ คงหนีไม่พ้นเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือซึ่งยังคงยึดพื้นที่การรายงานข่าวของสื่อได้อย่างสม่ำเสมอ

โสมแดง-โสมขาว คู่เกาเหลาแห่งปี

ประเดิมด้วยการยิงตอบโต้กันตั้งแต่ต้นปี เมื่อวันที่ 27 ม.ค. เกาหลีใต้ตัดสินใจยิงตอบโต้เกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงปืนใหญ่หลายครั้งเข้าสู่น่านน้ำใกล้กับพรมแดนทางทะเลที่เป็นข้อพิพาทของทั้งสองประเทศ

ผลพวงจากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้นานาประเทศมีทั้งที่ออกมาประณามและเรียกร้องให้ช่วยกันคลี่คลายสถานการณ์ โชคดีที่เหตุการณ์ยิงตอบโต้กันครั้งนี้ไม่ลุกลามบานปลายออกไป แต่ไม่วายก็มีเรื่องให้ทั่วโลกต้องตกใจและแสดงความเสียใจกับเกาหลีใต้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

เรือรบเกาหลีใต้อับปางพร้อมด้วยชีวิตลูกเรือ 46 คน

เรือรบโชนันของเกาหลีใต้อับปางลงพร้อมกับชีวิตลูกเรือ 46 รายเมื่อช่วงปลายเดือนมี.ค. และจากผลการตรวจสอบของคณะผู้เชี่ยวชาญในระดับนานาชาติแล้ว ชี้ว่า เรือรบดังกล่าวจมลงเพราะตอร์ปิโดของเกาหลีเหนือ ส่งผลให้เกาหลีใต้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่จนแล้วจนรอดก็ดูเหมือนว่า หลายประเทศที่เป็นพันธมิตรกับเกาหลีใต้จะทำได้แค่เพียงออกมาประณามการกระทำดังกล่าว ขณะที่เกาหลีเหนือก็ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ แถมยังโต้กลับด้วยว่า หลักฐานต่างๆนานาที่นานาชาติสรุปมานั้นเป็นหลักฐานที่มีการจัดทำขึ้นมาเอง

ประเทศคอมมิวนิสต์อย่างเกาหลีเหนือ จะทำอะไรแต่ละทีดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับผู้นำประเทศ

ภารกิจการเดินทางเยือนจีนแบบลับ ลวง พราง ของคิม จอง อิล

ฮือฮากันในหมู่สื่อมวลชนอีกครั้งกับการเดินทางเยือนจีนแบบลับ ลวง พรางของนายคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือเมื่อช่วงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการเดินทางเยือนจีนครั้งนี้เป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 4 ปี ไม่มีสื่อใดเก็บภาพผู้นำเกาหลีเหนือในจีนได้ แต่ก็มีการรายงานถึงความเคลื่อนไหวของการเดินทางเยือนครั้งนี้ออกมาตลอด ตั้งแต่ขบวนรถไฟที่ผู้นำเกาหลีเหนือโดยสารเข้าสู่จีน ขบวนรถของผู้นำเกาหลีเหนือที่ออกเดินทางไปเยือนจุดต่างๆ รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า ผู้นำเกาหลีเหนือได้เข้าพบประธานาธิบดีหู จิ่นเทา รวมทั้งผู้นำการเมืองคนอื่นๆของจีน ตลอดจนการเข้าชมการแสดงงิ้วโดยคณะนักแสดงของเกาหลีเหนือเรื่อง A Dream of Red Mansions ในกรุงปักกิ่ง

สื่อหลายสำนักระบุว่า การเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ เป้าหมายหนึ่งก็คือ การแจ้งเพื่อทราบเกี่ยวกับการปูทางให้กับนายคิม จอง อุน บุตรชายคนที่ 3 ก้าวขึ้นทำหน้าที่ผู้นำประเทศคนต่อไป เพราะหลังจากการเดินทางเยือนจีนได้ไม่นาน นายคิม จอง อิล ก็ได้แต่งตั้งคิม จอง อุน เป็นนายพล ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ได้มีการรายงานชื่อของนายคิม จอง อุนในสื่อของเกาหลีเหนือ ส่งผลให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า การแต่งตั้งดังกล่าวเป็นการปูทางให้บุตรชายทำหน้าที่ผู้นำประเทศคนต่อไป

เกาหลีเหนือปะทะเกาหลีใต้

คู่ไม้เบื่อไม้เมาบนคาบสมุทรเกาหลีทำให้นานาประเทศต้องวิตกกันอีกรอบส่งท้ายปี ตลาดหุ้นร่วงกันเป็นแถบๆ เมื่อเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ตกลงบริเวณน่านน้ำติดพรมแดน และเกาะยอนเปียงของเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ขณะที่เกาหลีเหนืออ้างว่า เกาหลีใต้เป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน อย่างไรก็ดี การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่เกาหลีใต้ซ้อมรบทางทะเล ผลพวงจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ทหารเรือของเกาหลีใต้เสียชีวิต 2 นาย ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย มีผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ขณะที่บ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนเกาะยอนเปียงได้รับความเสียหายอย่างหนัก

อย่างไรก็ดี เกาหลีใต้ก็ยังใจชื้นเมื่อสหรัฐออกมาประณามการโจมตีดังกล่าว และระบุว่า สหรัฐพร้อมที่จะปกป้องประเทศพันธมิตรของสหรัฐ และประกาศซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ในเวลาต่อมา เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่า สหรัฐยืนเคียงข้างเกาหลีใต้ ขณะที่งานนี้ จีนเองก็ออกมาแสดงจุดยืนด้วยการแสดงความเป็นห่วงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้ประกาศยืนเคียงข้างใคร

สถานการณ์ของไม้เบื่อไม้เมาคู่นี้ยังคงต้องติดตามกันต่อไป ตอนนี้ ขอข้ามฟากไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่นกันบ้าง

“ยูคิโอะ ฮาโตยามะ" ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

ดาวร่วงของปีนี้ คงหนีไม่พ้นนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ในระหว่างการประชุมสมาชิกพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น (ดีพีเจ)

เนื่องจากวิกฤตศรัทธาท่ามกลางคะแนนนิยมในคณะรัฐมนตรีที่ลดน้อยลง และการตัดสินใจดังกล่าวยังมีขึ้นหลังจากที่พรรคสังคมประชาธิปไตยถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงเรื่องการคงฐานทัพสหรัฐไว้บนเกาะโอกินาวา

ทั้งนี้ การประกาศลาออกจากตำแหน่งของนายฮาโตยามะได้ส่งผลให้การบริหารประเทศในระยะเวลากว่า 8 เดือนของพรรคดีพีเจ ที่เป็นพรรครัฐบาลผสมกับพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย และพรรคพรรคการเมืองใหม่ของประชาชนต้องปิดฉากลงหลังจากที่เขาเพิ่งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา

“นาโอโตะ คัง" นั่งท่านนายกฯคนใหม่

ดาวรุ่งที่มาทำหน้าที่แทนนายฮาโตยามะก็คือ นายนาโอโตะ คัง รัฐมนตรีคลังและรองนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคดีพีเจที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งผู้ที่ได้รับชัยชนะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งไปนั้น จะได้เป็นนายกฯคนใหม่ของญี่ปุ่นไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาแห่งการเป็นดาวรุ่งของนายกฯ คนล่าสุดนี้ดูเหมือนจะสั้นไม่แพ้อดีตนายกฯ หลังจากที่โพลล์หลายสำนักได้เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่า คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายนาโอโตะ คัง นั้น ได้รับคะแนนสนับสนุนต่ำลงมาเรื่อยๆ ล่าสุด โพลล์จากสำนักข่าวเกียวโดระบุว่า คะแนนสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่นร่วงลงมาอยู่ที่ 23.6% ซึ่งร่วงลงถึง 9.1% จากการสำรวจเมื่อช่วงต้นเดือนพ.ย.

โพลล์หลายสำนักสะท้อนให้เห็นว่า ชาวญี่ปุ่นไม่พอใจวิธีการของรัฐบาลในการรับมือกับความขัดแย้งเรื่องดินแดนกับจีน รวมถึงกรณีที่นายอิจิโร่ โอซาว่า สมาชิกคนสำคัญของพรรครัฐบาล เข้าไปพัวพันกับเหตุอื้อฉาวเรื่องเงินบริจาคทางการเมืองผิดกฎหมาย รวมทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

กรณีของญี่ปุ่นนั้น การประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อประเทศ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยกันดี แต่กรณีของประเทศแห่งดินแดนดาวน์อันเดอร์นั้น เรียกได้ว่า พลิกความคาดหมายกับการแย่งชิงอำนาจ แต่ถ้าจะมองใจอีกแง่หนึ่ง ก็อาจถือเป็นเรื่องธรรมดาในแวดวงการเมือง

นายกฯออสเตรเลียหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ

จูเลีย กิลลาร์ด ดาวดวงใหม่ วัย 48 ปีของออสเตรเลีย ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของออสเตรเลีย และยังเป็นนายกฯหญิงคนแรกของดินแดนดาวน์อันเดอร์ สมาชิกพรรคแรงงานมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เธอทำหน้าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่แทนที่นายเควิน รัดด์ อดีตนายกฯ ที่คะแนนนิยมตกต่ำอย่างหนักอันเนื่องมาจากการชูนโยบายจัดเก็บภาษีธุรกิจเหมืองแร่และการตัดสินใจชะลอโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

ทางพรรคมองว่า การเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจะช่วยกู้สถานการณ์ที่ย่ำแย่ของพรรคได้ในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนส.ค. แต่แล้วพรรคแรงงานของนางจูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และพรรคเสรีนิยมของนายโทนี แอบบอทท์ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านนั้น ไม่มีใครได้เสียงข้างมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลให้การเมืองออสเตรเลียตกอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่า "Hung Parliament" หรือภาวะที่ต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งในรัฐสภาเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี

ท้ายที่สุด กิลลาร์ดก็สามารถดึงคะแนนเสียงจากส.ส.อิสระมาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพันธมิตรได้สำเร็จ ถัดจากนักการเมืองหญิงแล้ว คราวนี้ก็มาถึงคราวของคู่เกาเหลาในเอเชียอีกคู่

เรือประมงจีนชนเข้ากับเรือตรวจการณ์ญี่ปุ่น

เหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างจีนและญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ถ้าเป็นสำนวนแบบหนังจีนก็ต้องเรียกว่า ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก เหตุเรือประมงของจีนชนเข้ากับเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง 2 ลำของญี่ปุ่น ในบริเวณน่านน้ำใกล้ๆกับหมู่เกาะเตียวหยู (หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า เซนกากุ) เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมานั้น ได้จุดปะทุให้สถานการณ์ในแดนมังกรและแดนซากุระร้อนแรงขึ้นมาทันที

จีนแสดงความไม่พอใจที่ทางการญี่ปุ่นไม่ยอมปล่อยตัวไต้ก๋งเรือประมง หลังจากที่ได้มีการปล่อยตัวลูกเรือทั้งหมด ข้างฝ่ายญี่ปุ่นก็ยืนยันในจุดยืนของตนเอง แต่ก็ไม่ได้ใช้มาตรการแข็งกร้าวตอบโต้ ดูเหมือนญี่ปุ่นจะพยายามรักษาท่าที แตกต่างกับจีนที่ภายในประเทศนั้น เกิดเหตุประท้วงขึ้นในส่วนของประชาชน ขณะที่ภาครัฐบาลนั้น กระทรวงต่างประเทศก็ได้ออกโรงเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวไต้ก๋งเรืออย่างต่อเนื่อง โดยนายหวัง กวางหยา รัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศของจีนเตือนว่า จีนจะใช้มาตรการตอบโต้ที่รุนแรงหากทางญี่ปุ่นไม่ปล่อยตัวไต้ก๋งเรือในทันทีโดยปราศจากเงื่อนไข ซึ่งญี่ปุ่นจะต้องรับผิดชอบกับผลพวงที่จะเกิดขึ้นตามมา

ผลพวงที่อาจจะเรียกได้ว่า เกิดขึ้นตามมาหลังจากกินเกาเหลากันไปพักใหญ่ก็คือ ข่าวการระงับการส่งออกแร่ธาตุหายากจากจีนไปยังญี่ปุ่น แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวพันกัน แต่ก็จะเห็นได้ว่า งานนี้คนที่เดือดร้อนก็คือ ญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นต้องพึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีนเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าไฮเทค แต่เมื่อเวลาผ่านไป จีนก็กลับลำเริ่มส่งออกแร่ธาตุหายากให้กับญี่ปุ่นอีกครั้ง

ศึกเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐกับความพ่ายแพ้ของเดโมแครต

จากบทบาทดาวเด่นผู้ถือนโยบายแห่งการเปลี่ยนแปลง พรรคเดโมแครตและบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐก็ต้องยอมรับว่า การเมืองเมื่ออยู่ในช่วงขาขึ้นได้ ก็ต้องทำใจว่าจะต้องพบกับช่วงขาลงด้วยเช่นกัน เพราะพรรคเดโมแครตก็ไม่สามารถหนีไม่พ้นวัฏจักรดังกล่าว

สหรัฐจัดการเลือกตั้งกลางเทอมขึ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา และพรรคเดโมแครตก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้พรรครีพับลิกันในการครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ การเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งเปิดฉากขึ้นในช่วงที่โอบามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐมาได้ครึ่งเทอม จากวาระการดำรงตำแหน่งทั้งหมด 4 ปีนั้น ถูกมองว่า เป็นคำตัดสินของประชาชนที่มีต่อผลการดำเนินงานในช่วง 2 ปีนับตั้งแต่ที่โอบามาเข้าดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนม.ค. 2552 โดยเฉพาะในเรื่องของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ

นักวิเคราะห์มองว่าความพ่ายแพ้ดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อโอกาสของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐในการลงรับสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 ที่จะจัดขึ้นในปี 2555

แม้ว่าโอบามาจะมีคะแนนนิยมถึงเกือบ 70% ในช่วงที่รับตำแหน่งผู้นำประเทศได้ไม่นานนัก แต่คะแนนนิยมของเขาก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50% เมื่อเร็วๆนี้ นี่แหละสัจธรรมของการเมือง มีขึ้นก็มีลง

ถัดจากการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐได้ไม่นานนัก ทั่วโลกก็หันมาจับตาความเคลื่อนไหวในศึกการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของพม่า

พม่ากับการเลือกตั้งที่ปูทางกันมาเป็นอย่างดี

7 พ.ย. คือ วันที่ชาวพม่าได้สัมผัสกับการเลือกตั้งอีกครั้งในรอบ 20 ปี รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมสำหรับการจัดการเลือกตั้งให้รัดกุมและเป็นไปตามเกมเป็นอย่างดี ซึ่งจะเห็นได้จากมาตรการป้องกันคู่แข่งและมาตรการรักษาคะแนนเสียงของทายาททางการเมือง

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งชาติและสมาชิกสภาสูง 494 ที่นั่ง และสมาชิกสภาท้องถิ่นใน 14 เขตปกครองอีก 665 ที่นั่ง รวมเป็น 1,159 ที่นั่ง โดยมีตัวแทนกว่า 3,000 คนจากพรรคการเมือง 37 พรรค และผู้สมัครอิสระ 82 คนเข้าร่วมแข่งขัน โดยพรรค USDP ส่งผู้สมัครมากที่สุดเกือบครบทุกเขต ขณะที่พรรค NLD ของอองซาน ซูจี ตัดสินใจคว่ำบาตรไม่ร่วมการเลือกตั้งและถูกยุบพรรคไปในที่สุด

อิสรภาพของ"ออง ซาน ซูจี"

ออง ซาน ซูจี แกนนำในการเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า วีรสตรีที่หลายประเทศต่างเรียกร้องและกดดันรัฐบาลทหารพม่าให้ปล่อยตัวเธอมาเป็นเวลานาน ได้รับอิสรภาพในที่สุด เมื่อเย็นวันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2553 หลังจากที่ถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพักมาเป็นเวลากว่า 20 ปี ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีทั้งในและต่างประเทศ

สิ่งที่น่าประทับใจจากคำกล่าวปราศรัยเป็นครั้งแรกของเธอภายหลังได้รับอิสรภาพ ก็คือ “เธอไม่ได้มีความเกลียดชังผู้ที่กักบริเวณเธอ และที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงก็ปฏิบัติกับเธอเป็นอย่างดี"

“เธอจะทำงานเพื่อการสร้างความปรองดองในประเทศ ซึ่งการที่จะดำเนินการดังกล่าวได้ เธอจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างมาก"

นับเป็นคำกล่าวที่สะท้อนให้เห็นถึงความอดทนและความรักที่มีต่อประเทศ รวมทั้งความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อประเทศชาติต่อไป นักการเมืองทั้งหลายสมควรดูเป็นเยี่ยงอย่าง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหลายทั้งปวงในปีเสือ คงจะได้เห็นกันแล้วว่าใครเป็นดาวเด่นหรือดาวดับ แต่ดาวร่วงและดาวร้ายประจำปีนี้ ยังมีโอกาสปรับตัวปรับใจทำดีรับปีกระต่าย ขณะที่ดาวรุ่งและดาวเด่นก็อาจจะกลายเป็นดาวร่วงได้หากชะล่าใจ สุดท้ายนี้ In Focus ก็ขอแสดงความยินดีกับออง ซาน ซูจี และหวังว่า สถานการณ์ทางการเมืองทั้งในและต่างประเทศจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นรับปีกระต่าย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ