นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า หลังจากอัยการพิเศษมีคำสั่งไม่ถอนประกันตัวนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ในฐานะผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ตนเองเคารพต่อความเห็นของอัยการ แต่ในฐานะที่ตนเองเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนได้หารือร่วมกับกับคณะพนักงานสอบสวนแล้วมีความเห็นว่าในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ ตนเองจะเดินทางไปที่ศาลอาญา เพื่อยื่นคำร้องขอเรียกตัวนายจตุพร พรหมพันธ์ และ นายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้มารายงานตัวต่อศาล แต่จะยื่นคัดค้านการประกันตัวนายจตุพรเพียงคนเดียว เพราะไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ให้ไว้กับศาลหลังใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า คดีก่อการร้ายมีผู้ต้องหาหลายคน ซึ่งที่ผ่านมาจำเลยในคดีดังกล่าวหลายคนไม่ได้รับการประกันตัว มีแต่นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานกลุ่ม นปช.เพียงคนเดียวที่ได้รับการประกันตัวชั่วคราว ส่วนคนอื่นยังถูกควบคุมตัวภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เนื่องจากศาลเห็นว่าไม่มีความจำเป็นและไม่สมควรให้ประกันตัวเพราะเกรงว่าจะหลบหนี และอาจไปก่อเหตุร้ายซ้ำอีกได้
สำหรับขั้นตอนการดำเนินการต่อไปหลังจากดีเอสไอยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอออกหมายเรียกแล้ว ศาลจะมีคำสั่งส่งฝากขังเหมือนผู้ต้องหาคนอื่น แต่ผู้ต้องหาสามารถยื่นประกันตัวได้ โดยทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอจะมีหนังสือคัดค้านการประกันตัว พร้อมทั้งจะรวบรวมหลักฐาน และประมวลข้อมูลพฤติกรรมทุกอย่างของนายจตุพรส่งให้ศาลพิจารณาด้วย ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่
อธิบดีดีเอสไอ ยืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มาจากความโกรธแค้นเป็นการส่วนตัว แต่นายจตุพรมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การปลุกระดมนำคนมาชุมนุมที่ดีเอสไอ อีกทั้งยังให้ร้ายดีเอสไอผ่านเวทีปราศรัยต่างๆ ข่มขู่ฟ้องร้องดีเอสไอ รวมถึงเรื่องโทรศัพท์ข่มขู่นายเมธี อมรวุฒิกุล พยานในคดีก่อการร้ายด้วย ซึ่งชี้ชัดว่านายจตุพรไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ให้ไว้กับศาล