นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง"มุมมองต่อสถานการณ์และปัญหาความมั่นคงปัจจุบัน"ว่า การที่รัฐบาลจะมีการยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษเพื่อดูแลสถานการณ์ความสงบเรียบร้อยด้านความมั่นคงจะมีส่วนสำคัญในการเริ่มต้นเดินหน้าแก้ไขปัญหาบ้านเมือง
"สิ่งที่เราคาดหวังในขณะนี้เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น และเราสามารถยกเลิกการประกาศใช้กฎหมายพิเศษ และนำไปสู่การใช้กฎหมายปกติในการดูแลความมั่นคง รวมถึงให้ประชาชนเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้เราถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองและความสงบเรียบร้อยได้" นายกฯ กล่าว
ทั้งนี้ ตลอดช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาความขัดแย้งทางการเมืองส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศชาติ ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม การเรียกร้องในสิทธิและโอกาสต่างๆ แต่จะอย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายต้องเคารพในกฎกติกา และอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง ซึ่งการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงจะต้องมองไปที่รากฐานของปัญหา ไม่ใช่มองเพียงปลายเหตุเท่านั้น โดยต้องเร่งเดินหน้าแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชนด้วย
สำหรับความมั่นคงในด้านอื่น เช่น จังหวัดชายแดนใต้ รัฐบาลจะเน้นการพัฒนาและการอำนวยความยุติธรรม ซึ่งถือเป็นหัวใจในการนำไปสู่ความสงบ รวมทั้ง พื้นที่อื่นๆที่ยังมีปัญหาด้านชายแดน เช่น กัมพูชา รัฐบาลจะเน้นการทำงานในลักษณะบูรณาการในหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งจากกองทัพ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และกระทรวงต่างประเทศ รวมถึงเน้นการเจรจาอย่างสันติวิธี ส่วนปัญหาการสู้รบในพม่า รัฐบาลจะคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมในการดูแลผู้ที่อพยพเข้ามา
ส่วนภัยคุกคามด้านอื่นๆ ขณะนี้มีความเชื่อมโยงของปัญหาทางด้านเศรษฐกิจเชื่อมโยงกับปัญหาทางด้านการเมือง ซึ่งไทยได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก และแม้ว่าขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะฟื้นตัว แต่ยังคงส่งผลต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องของค่าเงินที่ทำให้รัฐบาลต้องหามาตรการการควบคุม และดูแลเรื่องของราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่อาจปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
ด้านผลกระทบจากภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าปัญหาภัยธรรมชาติจะมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องหามาตรการในการป้องกันภัยดังกล่าวที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ปัญหาภัยคุกคามทางด้านการก่อการร้ายสากล อาชญากรข้ามชาติที่รุนแรงนำไปสู่การเมืองระหว่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาภัยคุกคามทั้งหมดการบริหารจัดการด้านความมั่นคงถือเป็นหลักสำคัญในการแก้ไขปัญหา โดยรัฐบาลจะเน้นการมีส่วนร่วม ไม่ได้มุ่งเน้นการใช้กำลัง ทั้งนี้เพื่อหวังว่าการแก้ไขปัญหาความมั่นคงจะยั่งยืนได้ในอนาคต ซึ่งสิ่งสำคัญในการทำงานด้านความมั่นคง ฝ่ายนโยบายก็ตระหนักว่าเครื่องมือที่จะดูแลด้านความมั่นคงต้องเป็นที่ยอมรับ มีความเป็นกลาง และใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยแม้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็ตาม แต่นโยบายต้องมีความต่อเนื่องสม่ำเสมอ
ในส่วนนโยบายด้านความมั่นคง ต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น และยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล พร้อมทั้งมีการน้อมนำหลักปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักปฏิบัติเพราะถือว่า จะเป็นคำตอบในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและภัยคุกคามต่างๆ ได้