นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่าช่วงปีใหม่อาจมีเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ได้รับการร้องเรียนมาจากประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจในพื้นที่ว่าคำพูดดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง และสร้างความหวาดกลัวทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางเข้ามา ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มักจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวเข้ามาในช่วงนี้
"คนเป็นนายกฯ ควรมีวุฒิภาวะ จะพูดอะไรต้องคิดถึงสิ่งที่จะตามมา คิดถึงภาพลักษณ์ของประเทศ การพูดดังกล่าวทำให้คนไทยอยู่ในภาวะตื่นตระหนก จะไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องหวาดกลัว และยังเป็นการทำให้ประเทศสูญเสียโอกาส รายได้ และซ้ำเติมธุรกิจท่องเที่ยวที่ต่างชาติไม่เชื่อมั่นอยู่แล้ว" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากนายรัฐมนตรีได้รับรายงานข่าวว่าจะมีเหตุในลักษณะดังกล่าวจริง ก็ควรสั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคงไปดูแลรักษาความเรียบร้อย รวมทั้งป้องกันและปราบปรามในทางลับ ไม่ใช่การออกมาพูดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ ซึ่งการพูดออกมาเท่ากับเป็นการประจานว่ารัฐบาลเองทำงานล้มเหลว เพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์คดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท จากเหตุที่นายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ทำความเห็นแนบไปด้วยนั้น ทางพรรคเพื่อไทยจะนำไปเทียบเคียงกับคดียุบพรรคเกษตรกรเมื่อปี 2552 ซึ่งคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพลังเกษตรกรทั้งๆ ที่นายทะเบียนไม่ได้ทำความเห็นไปเช่นเดียวกัน
"สงสัยว่าเป็นการวินิจฉัยที่แตกต่าง และเลือกปฏิบัติหรือไม่ เรากำลังพิจารณาถึงดุลพินิจที่ไม่ชอบของศาลรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นทราบว่าในสัปดาห์หน้าจะมีนักวิชาการไปยื่นฟ้องต่อป.ป.ช.ให้เอาผิดตุลาการเสียงข้างมาก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
ขณะที่พรรคเพื่อไทยกำลังหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะยื่นเรื่องให้พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง