"เรืองไกร" ยื่นกกต.สอบ"มาร์ค-กษิต"รับเงินค่าวิทยากร ป.ป.ช. ขัด รธน.

ข่าวการเมือง Tuesday December 21, 2010 15:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอลบการจัดเก็บรายได้ การใช้จ่ายเงินแผ่นดินและการบริหารจัดการทรัพย์สินของแผ่นดิน ในคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง และสถาบันการเงิน วุฒิสภา ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบไต่สวนความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทวงการต่างประเทศ ต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (7) หรือไม่ เนื่องจากกระทำอันต้องห้ามตามมาตรา 267 ด้วยการรับค่าตอบแทนเป็นวิทยากรให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.)

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากร ในหัวข้อบทบาทผู้นำการป้องกันและปราบปรามการทุจริตกลไกการแก้ไขปัญหาของไทยและมุมมองระดับสากล เมื่อ 16 มิ.ย. 2553 โดยนายกรัฐมนตรีบรรยายเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ได้รับค่าสมนาคุณวิทยากร จำนวน 5,000 บาท

ต่อมาอีก 1 เดือนยังพบว่านายกษิตได้บรรยายในหัวข้อ กลไกและมาตรการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสากล เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2553 โดยนายกษิตได้บรรยายเป็นเวลา 3 ชั่วโมงได้รับค่าสมนาคุณวิทยากรชั่วโมงละ 2,000 บาท

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวทำให้นึกย้อนถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการเป็นลูกจ้างของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี โดยศาลรัฐธรรมนูญได้ให้ความหมายของคำว่า "ลูกจ้าง" ไว้ ประกอบกับตามกฎหมายภาษีสรรพากร เงินได้จากการเป็นวิทยากร ถือเป็นเงินได้จากการรับจ้างทำของตามมาตรา 40 (2) ขณะที่ระเบียบกระทรวงการคลังพ.ศ.2549 ให้ความหมายของ "วิทยากร" ไว้ด้วย กรรมาธิการเห็นว่ากรณีนี้อยู่ในขอบเขตหน้าที่ของกกต.ที่จะดำเนินการตรวจสอบ การเป็นลูกจ้างของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าเข้าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 267 หรือไม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ