นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการเป็นประธานเปิดโครงการเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา"ส่งเสริมเคารพสิทธิแก่ผู้อื่น"ว่า บ้านเมืองของเราในปัจจุบันนี้ ยังประสบปัญหาเรื่องของการไม่เคารพกฎ กติกา และการไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น ตลอดจนความอ่อนแอในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ส่งผลให้เกิดการบั่นทอนเสถียรภาพและทำให้การดำเนินงานและการพัฒนาในด้านต่างๆ ที่มีความก้าวหน้าน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการที่จะทำให้ความขัดแย้งหมดไป จะคงเป็นเรื่องที่ยาก แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนสามารถจะทำได้คือทำให้ทุกฝ่ายได้คิดถึงการอยู่ร่วมกับคนอื่นและอยู่ร่วมกันโดยเคารพสิทธิของกันและกัน เคารพกติกา เคารพกฎหมาย เคารพกฎและระเบียบต่างๆ ของสังคม
"แม้ในสังคมประชาธิปไตยทุกคนสามารถที่จะมีความคิดแตกต่างกันได้ ทั้งเรื่องของอาชีพ วิถีชีวิต ความเชื่อ ความศรัทธา หรือความคิดเห็นทางการเมือง แต่ต้องไม่ทำให้ความแตกต่างดังกล่าว นำมาสู่ความแตกแยกในสังคม ซึ่งการเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องยอมรับและเคารพในความแตกต่างของกันและกัน ทั้งนี้หวังว่าทุกภาคส่วนในสังคมจะได้ช่วยกันรณรงค์ส่งเสริมเรื่องดังกล่าวควบคู่กันไปด้วย" นายกฯ กล่าว
นอกจากปัญหาเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นรูปแบบที่ก่อให้เกิดการล่วงละเมิดสิทธิของคนอื่นแล้ว ยังมีเรื่องอื่น ๆ ยังพบเห็นความขัดแย้งหรือการล่วงละเมิด เช่น ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านวัฒนธรรม เป็นต้น ซึ่งการใช้สิทธิและการที่เคารพสิทธิของคนอื่นในด้านต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เช่น ทางด้านเศรษฐกิจนั้น ยังพบเห็นการเอารัดเอาเปรียบในด้านต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของคนอื่น
นายยกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเอารัดเอาเปรียบนั้นนอกจากเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องแล้วยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจมีความอ่อนแอ คือขาดประสิทธิภาพและกระทบกับการพัฒนาหรือการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย
ส่วนด้านทางสังคมและทางวัฒนธรรมนั้น เราจะพบเห็นการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องของความรุนแรงในครอบครัว ไปจนถึงการสร้างความเสียหาย ความรำคาญให้แก่คนอื่น การทำร้ายกัน การดูถูกเหยียดหยามกัน การล้อเลียนวัฒนธรรมในวิถีชีวิต การแต่งกาย และภาษาถิ่น เป็นต้น
"สิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าละเลยก็จะทำให้เกิดการขยายตัวนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขยายไปในวงกว้างได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีความสำคัญคือ การส่งเสริมให้ทุกคนรู้จักเคารพสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ และถือว่าจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรณรงค์ส่งเสริมการเคารพสิทธิของกันและกัน การสร้างความสำนึกในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุขและเสริมสร้างความสามัคคีสมานฉันท์ในสังคมควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะเดียวกันรัฐบาลได้เดินหน้าในการดำเนินการปฏิรูปการเมือง เพื่อวางระบบการบริหารประเทศให้มีเสถียรภาพและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและนานาประเทศทั่วโลกต่อไป