นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาปล่อยตัวนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ และคนไทยอีก 6 คนที่ถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัวไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ในทันที ไม่ว่าจะเป็นการรุกล้ำพื้นที่หรือไม่
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลว่าทั้ง 7 คนรุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชาหรือไม่ แต่เห็นว่าไม่สมควรที่จะให้ทั้ง 7 คนเข้าสู่กระบวนการของศาล เพราะไม่ได้มีการติดอาวุธ พร้อมทั้งจะมีการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด และได้มอบหมายให้นายกษิต ภิรมย์ เดินทางไปยังกัมพูชาเพื่อยืนยันจุดยืนนี้ โดยจะมีการพบกับนายฮอนัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ในช่วง 16.00 น.วันนี้
"ไม่ว่ากรณีการจับกุมจะเกิดขึ้นในฝั่งใดก็ตาม เราเห็นว่าบุคคลทั้ง 7 ควรได้รับการปล่อยตัวทันที และจากการที่รัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายเคยพูดคุยกัน ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าบุคคลทั้ง 7 ซึ่งก็ไม่มีอาวุธ ไม่ควรที่จะจับกุมและเข้าสู่กระบวนการของศาล เพราะปัญหาจะมีความยุ่งยากมากขึ้น"นายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม จะยังไม่มีการต่อสายโดยตรงไปยังสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่จะรอการเจรจาจากทางรมว.ต่างประเทศก่อน
นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่า ทางการไทยได้ส่งนายพนิชไปพูดคุยกับทางกลุ่มบุคคลที่ยังมีข้อร้องเรียนหรือติดใจในเรื่องปัญหาตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดชัดเจนว่าคณะบุคคลดังกล่าวได้เข้าไปในพื้นที่ใด แต่จากการที่กัมพูชาอ้างนั้นระบุว่าเป็นการจับกุมในหลักเขตแดนของกัมพูชา ซึ่งในขณะนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศลงไปในพื้นที่เพื่อตรวจสอบในจุดต่างๆ
สิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนและมีข้อมูลตรงกัน คือ บุคคลทั้ง 7 ได้ลงจากรถบริเวณถนนศรีเพ็ญ มุ่งหน้าไปยังหลักกม.ที่ 46 แต่ข้อมูลที่ยังไม่ตรงกันคือ ยังไม่ทราบว่าเดินเข้าไปไกลจนถึงบริเวณไหน แต่ยืนยันว่าอยู่ในเขตแดนของไทย ไม่สามารถมีกองกำลังต่างชาติเข้ามาอยู่ได้ แต่มีชุมชนชาวกัมพูชาที่มาอยู่ตั้งแต่สมัยปี 2520 ซึ่งก็ได้มีการกำหนดแนวเขตแดนชัดเจนว่าไม่สามารถเข้ามารุกล้ำในเขตแดนของไทยได้
แม้ว่าจะส่งนายกษิต ไปกัมพูชาแล้ว แต่หากกระบวนการของศาลยังคงเดินหน้าอยู่ รัฐบาลจะตรวจสอบอีกครั้งว่ากระบวนการของศาลกัมพูชาได้มีการพิจารณาอย่างไร ซึ่งทางรัฐบาลจะใช้สิทธิช่วยเหลือทางกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจว่าจะมีการเพิ่มกำลังเข้าไปในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งจะรอผลการเจรจาของนายกษิตก่อน แต่ในชั้นนี้ได้มีการประสานทำความเข้าใจและซักซ้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในมาตรการที่จะดำเนิกนารต่อไป หากทางกัมพูชายังไม่เปลี่ยนท่าที
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทางทหารกัมพูชาจะเข้ามาจับกุมทั้ง 7 คนในพื้นที่ของไทย แต่น่าจะเป็นบริเวณพื้นที่ทับซ้อนที่ทั้งสองฝ่ายได้นำลวดหนามมากั้นสิทธิไว้ ซึ่งยังไม่มีโฉนดที่จะกำหนดชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ของใคร
นายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่าในส่วนของกระบวนการของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) หรือ MOU ยังถือว่า มีส่วนสำคัญที่ต้องมีการผลักดันในการให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้
พร้อมปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น หากศาลกัมพูชาตัดสินในเรื่องนี้จะทำให้สถานภาพการดำรงตำแหน่ง ส.ส.ของนายพนิชสิ้นสุดไปด้วยหรือไม่ โดยนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบข้อกฎหมาย