ก.ต่างประเทศ รายงานครม.แนวทางช่วยเหลือ 7 คนไทย คาดอีก 1-2 วันชัดเจน

ข่าวการเมือง Tuesday January 4, 2011 14:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับ 7 คนไทยที่ถูกจับกุมตัวไป

วันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานครม. ทราบว่า ภายใน 1-2 วันคงจะมีความชัดเจนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีหรือไม่ แต่หลักปฎิบัติระหว่าง 2 ประเทศ หรือว่าประเทศเรากับประเทศเพื่อนบ้านกรณีที่มีคนพลัดหลงหรือเข้าไปในเขตพื้นที่ของแต่ละประเทศที่มีการครอบครองหรือดูแลอยู่มีอยู่แล้ว หลักปฎิบัติก็ชัดเจนว่าหากสามารถประสานงานตามแนวชายแดนได้ โดยไม่ต้องเข้ากระวนการยุติธรรมในพื้นที่ก็จะทำ แต่ในกรณี 7 คนไทยในพื้นที่ได้ส่งทั้ง 7 คนเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เบื้องต้นจะทำให้การประสานงานตามแนวปฎิบัติเดิมไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าที่ผ่านมา แต่ยังยืนยันว่าหากเป็นไปได้ก็อยากให้มีการประสานงานในลักษณะนี้ต่อไป

"ข้อแรกที่รมว.ต่างประเทศรายงานให้ครม.ทราบว่า ขณะนี้ขั้นตอนยังอยู่ในการประสานงาน และเป็นไปตามแนวปฎิบัติ แต่หากว่าคดีเดินหน้าไปตามกฎหมายใน 1-2 วันนี้ โดยที่ข้อกล่าวหาเบื้องต้นเรื่องของการเข้าเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือว่าเข้าเขตทหาร ก็จะมีการแต่งตั้งทนายประมาณ 2 คน เข้าไปช่วยเหลือในการดำเนินคดี" นายปณิธาน กล่าว

ขณะเดียวกันในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ก็จะมีคณะทำงานประสานงานกันเพื่ออำนวยความสะดวกอย่างที่เราได้ปฎิบัติมาในกรณีที่ใกล้เคียงในอดีต

นอกจากนี้ ได้มีการรายงานว่าได้มีการประสานในการเยี่ยยมเยี่ยน โดยในวันที่ 29 ธ.ค. ที่มีปัญหาในการควบคุมตัว ต่อมาวันที่ 30 ธ.ค. รมว.ต่างประเทศได้เดินทางไปประสานงานด้วยตัวเอง และมีการอนูญาตให้ญาติเข้าไปเยี่ยมเยี่ยนเมื่อวานก็เรียบร้อยดี ในส่วนของยา อาหาร ของใช้ส่วนตัว ได้รับการอำนวยความสะดวกจากทางกัมพูชาอย่างดี

นายปณิธาน กล่าวถึงประเด็นของการล้ำพรมแดน กระทรวงต่างประเทศยืนยันไปทางกัมพูชาว่า คณะที่เข้าไปหรือนายพนิช ไม่มีเจตนาล้ำพรมแดนเข้าไปนอกจากการเข้าไปประสานงานในเรื่องการเข้าไปตามเรื่องที่ราษฎรร้องเรียนว่าไม่สามารถทำกินได้ในที่ดินทำกินได้ โดยจะเข้าไปดูข้อเท็จจริง ดูหลัก ดูจุดต่างๆที่เป็นปัญหา

"คุณพนิช คงจะคิดว่าตรงนั้นเป็นแขตแดนนของไทย โดยไม่ได้มีเจตนาจะทำให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา หลักที่สำคัญที่สุดที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานให้ครม. คือ ในการดำเนินการในเรื่องนี้จำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดี จำเป็นที่จะต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และจะมีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนในเรื่องข้อเท็จจริงว่าเข้าไปแล้วโดนจับกุมบริเวณไหนและเข้าไปในบริเวณใด ตั้งแต่ 31 ธ.ค.มีคณะทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม เข้าไปดูตรวจสอบ เรื่องของพิกัดในการถูกจับกุม พิกัดที่คนไทย 7 คนได้เดินทางเข้าไป โดยจะยืนยันอีกครั้งโดยกรมแผนที่ทหารวันนี้ เข้าใจว่า เย็นนี้น่าจะสรุปได้ว่าพิกัดที่ชัดเจนจะเป็นอย่างไร"นายปณิธาน ระบุ

นายปณิธาน กล่าวต่อว่า ตามแนวชายแดนมีการล้ำแกนกันเป็นระยะ หลักปฎิบับัติ ทั้ง 2 ฝ่ายพยายามกันคนออกไปเพื่อให้การปักปันเขตแดนในบริเวณนี้เป็นไปด้วยดีตามข้อตกลงบันทึกช่วยจำ หากไม่สามารถกันคนออกไปได้ ก็ให้คงสภาพเดินไว้ก่อน เพื่อให้การปักปันดำเนินการไปได้ ซึ่งข้อตกลงเหล่านี้ก็ดำเนินการไปได้ด้วยดี การปักปันอยู่ในในช่วงแรกๆของการปักปัน เพราะฉะนั้นเส้นแบ่ง พิกัด หรือหลักหมุด ขณะนี้ยังถือว่ายังไม่ได้ตกลงอย่าเงป็นทางการ

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพาดพิงโดยใช้คลิปว่า รมว.ต่างประเทศได้แจ้งให้สื่อมวลชน ประชาชนรับทราบแล้วว่านายพนิชจะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ แต่ไม่ทราบว่าจะเข้าไปบริเวณไหนจนนายพนิช ติดต่อเข้ามา และแจ้งว่าจะไปบริเวณพื้นที่นั้นและอาจจะต้องขอให้มีการประสานงานกับทางตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อโทรเข้ามาแล้ว นายกได้แจ้งครม.ทราบว่า ทางเลขาฯ ของนายพนิชไม่สามารถติดต่อกับเลขาฯ นายกรัฐมนตรีได้ในช่วงนั้น

"นายกฯ ทราบโดยทั่วไปเท่านั้นเองว่ามีการเข้าไปประสานงานกันเพื่อดูเรื่องร้องเรียนของประชาชน"

อย่างไรก็ตาม คงต้องใช้เวลาและความพยายาม ในการประสานงานโดยไม่ให้กระทบกระเทือนกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขณะนี้แนวโน้มยังต้องรอความชัดเจนในเรื่องกระบวนการยุติธรรมในกัมพูชา แต่กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานให้ทราบถึงการดำเนินการในรายขั้นตอนในการประสานงานในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเชิงกฎหมาย การอำนวยความสะดวกและการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งความก้าวหน้าจะได้แจ้งกับทางรัฐบาลทราบเป็นระยะๆ ต่อไป

นอกจากนี้ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จะออกรายการทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เวลาประมาณ 20.30 น.วันนี้ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเพิ่มเติม หลังจากมีข้อสรุปบางอย่างของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ