นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าคนไทยทั้ง 7 คนได้รุกล้ำได้เข้าไปพื้นที่กัมพูชาหรือไม่ เพียงแต่คณะทั้ง 7 คนไม่ได้มีเจตนารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ พร้อมทั้งยืนยันการที่ส่งนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปไม่ได้เป็นการทำงานทางการลับ แต่มีความตั้งใจที่จะให้นายพนิช เข้าไปรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่เท่านั้น
"ประเด็นที่เกี่ยวกับการลงพื้นที่เป็นเรื่องที่คุณพนิช รายงานให้ผมทราบว่ามีประชากรได้รับความเดือดร้อน ซึ่งวันที่เขาไป ยังบอกผมด้วยซ้ำว่าไปปราจีนฯไม่ใช่สระแก้ว แล้วเขาก็สอบถามผมว่าการประสานงานเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไร ผมก็บอกว่าเมื่อถึงจุดที่ควรประสานกับทางเจ้าหน้าที่ก็ให้แจ้งกลับมา แต่ข้อเท็จจริงเลขาฯคุณพนิช ติดต่อมายังเลขาฯผมได้เมื่อถูกจับกุมแล้ว" นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่วันถึงจะได้รับการประกันตัว หรือคดีความจะขึ้นสู่ศาลเมื่อใด เพียงแต่ในขณะนี้อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการประสานงานหรือติดต่อโดยตรงไปยังสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และยังไม่ได้มีการพุดคุยกับนายพนิช โดยตรงตั้งแต่ถูกจับกุม
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกัมพูชานั้น ขณะนี้ทางรัฐบาลยังไม่มีแนวความคิดที่จะลดความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้คนที่วิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ให้ตระหนักถึงแนวทางที่รัฐบาลอยู่ระหว่างดำเนินการ เพราะรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือคนไทย และอยากให้ทุกคนช่วยกันปกป้องอธิปไตยของไทย เพราะการแสดงความคิดเห็นบางครั้งอาจทำให้เกิดความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้สำหรับกลุ่มประชาชนที่จะไปชุมนุมตามแนวชายแดนนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ควรจะดำเนินการใดๆ เพราะจะไปเพิ่มแรงกดดันในการแก้ไขปัญหา และหากมีแนวทางใดที่จะเสนอเข้ามาเพื่อให้หันหน้ามาพูดคุยกัน ก็สามารถแสดงความคิดเห็นโดยตรงมาที่ตนเองได้
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อกรณีว่ามีความจำเป็นหรือไม่ที่อาจจะขอความช่วยเหลือจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใกล้ชิดกับสมเด็จฮุนเซ็น โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่า"ผมไม่ทราบครับ"