นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะอดีต รมช.พาณิชย์ และคณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ระบุว่า มาตรการควบคุมราคาสินค้า 41 รายการของรัฐบาลนั้น อาจเป็นการเปิดช่องให้ผู้ประกอบการปรับราคาสินค้าขึ้นไปถึง 2 เท่า เช่น กรณีราคาน้ำมันปาล์มที่มีบริษัทกักตุนไว้ถึง 1 ล้านขวด เนื่องจากจะรอรัฐบาลเพิ่มราคาให้จึงค่อยนำออกมาขาย ตรงนี้สะท้อนให้เห็นการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่าไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นทุนของราคาสินค้า
ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มนั้น ทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยมีความเป็นห่วงว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ทำการตรวจสอบการกักตุนของผู้ผลิตหรือไม่ รวมทั้งผู้ผลิตที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มการเมืองในรัฐบาลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรด้วยหรือไม่ ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้สำนักงานปราบโกง(สปก.)ของพรรคเพื่อไทยรับไปดำเนินการตรวจสอบ เชื่อว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ส่วนราคาไข่ไก่ที่คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์(Egg Board) รับปากว่าจะแก้ไขภายใน 60 วันนั้น แต่กลับมีการแก้ไขในเรื่องการชั่งตวงวัด ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาไม่ถูกที่ ขณะที่ราคาน้ำมันนั้น รัฐบาลพยายามตรึงราคาดีเซลไว้ไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ซึ่งไม่มีประเทศไหนขีดเส้นกันอย่างนี้ อีกทั้งประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ดังนั้นเมื่อถึงระดับที่กองทุนน้ำมันฯ ไม่สามารถชดเชยราคาได้ ก็ควรต้องปล่อยให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
นายวิรุฬ กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยเป็นห่วงประชาชนโดยเฉพาะคนชั้นล่าง เนื่องจากค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ปรับขึ้นนั้นไม่สมดุลกับดัชนีผู้บริโภคที่สูงขึ้นถึง 11% ดังนั้นอยากให้รัฐบาลหันมามองความจริง อย่าทำให้ประชาชนคิดว่าเงินเดือนขั้นต่ำที่สูงขึ้นจะทำให้เขารวยขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายต่างๆ นั้นก็สูงขึ้นตามไปด้วย
"เรื่องปากท้องประชาชนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อรัฐบาลคิดจะให้ก็ต้องให้โดยไม่น้อยกว่ารายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นตามมาด้วย ทั้งนี้ขอให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแลและเข้มงวดให้มากกว่านี้" นายวิรุฬ กล่าว