นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า จากการประเมินการชุมนุมใน 2 วันที่ผ่านมา ทางกลุ่มพึงพอใจทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพของผู้เข้าร่วมชุมนุม และเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา เราได้รับชัยชนะรายทางจากกรณีที่ทหารไทยได้ทำการกดดันทุบแผ่นหินที่กล่าวร้ายและประจานประเทศไทย บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ใกล้เคียงกับปราสาทเขาพระวิหาร เป็นชัยชนะของภาคประชาชนที่เป็นผู้เปิดประเด็นเรื่องนี้ออกมา ซึ่งในช่วงแรกทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำต่างดูแคลนและเพิกเฉยต่อแผ่นหินดังกล่าว แต่หลังจากที่มีการเคลื่อนไหวโดยกลุ่มพันธมิตรฯ เพียง 1 วัน ได้มีการกดดันจนกระทั่งแผ่นหินถูกทุบทิ้งไป
ชัยชนะดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการกดดันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ MOU ปี 2543 แต่อย่างใด แต่เกิดจากการสำแดงแสนยานุภาพทางการทหารที่อยู่นอกเหนือจาก MOU ปี 2543 ไม่ว่าจะเป็นการสร้างป้ายที่ระบุว่า "ที่นี่ประเทศไทย" และการที่ทหารไทยได้พกอาวุธประจำกายพร้อมที่จะปะทะ เพื่อหยุดยั้งการละเมิด MOU ปี 2543 ของทางกัมพูชา แสดงให้เห็นว่าหนทางที่จะทำให้กัมพูชายุติการละเมิด MOU ปี 2543 นั้นจำเป็นต้องใช้แสนยานุภาพทางการทหารนอกกติกามากกว่า MOU ปี 2543 ทั้งยังพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการปะทะ และไม่มีสงคราม เหตุก็เพราะว่าไทยมีแสนยานุภาพทางการทหารสูงกว่ากัมพูชาอย่างเทียบไม่ได้ และจะทำให้ไทยสามารถกดดันให้เกิดการเจรจารอบใหม่โดยการยกเลิก MOU ปี 2543 และทำข้อตกลงรอบใหม่ที่อาจใช้ชื่อว่า MOU ปี 2554 ที่ลบล้างข้อบกพร่องใน MOU ปี 2543 ทั้งหมด และทำให้เกิดความเป็นธรรมในการหาหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา
"พิสูจน์ได้ว่าการไม่มี MOU ปี 2543 จะทำให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อการใช้อำนาจต่อรองโดยการสำแดงแสนยานุภาพทางการทหาร ให้กัมพูชายอมปฏิบัติหรือหยุดยั้งการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย และพิสูจน์แล้วว่าข้อกล่าวหาที่ว่าข้อเสนอของพันธมิตรฯทำให้เกิดสงครามนั้นไม่เป็นจริง" นายปานเทพ กล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า นอกเหนือจากแผ่นหินดังกล่าว ยังมีธงชาติกัมพูชาที่อยู่ในวัดแก้วสิกขาสวาระ ที่เป็นการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชาเหนือดินแดนไทยอีกด้วย การดำเนินเฉพาะแผ่นหินที่เป็นข่าวนั้นไม่เพียงพอ รัฐบาลต้องเร่งผลักดันทั้งวัด ชุมชน และทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ แม้แต่ธงชาติกัมพูชาก็ต้องให้นำออกไปแล้วนำธงชาติไทยไปตั้ง เพราะพื้นที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ อยู่ใน 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทเขาพระวิหาร ถือเป็นพื้นที่ของไทย ไม่ใช่พื้นที่ของกัมพูชาหรือพื้นที่พิพาท รวมทั้งขอความคืบหน้าเกี่ยวกับ 2 คนไทยที่ถูกคุมขังอยู่ในกัมพูชา โดยในวันที่ 1 ก.พ.จะมีการพิพากษาในชั้นศาล โดยเหลือเวลาอีก 6 วันเท่านั้น ที่รัฐบาลไทยต้องปฏิบัติต่อทั้ง 2 คนในฐานะที่เป็นคนไทย และถูกจับกุมโดยทหารกัมพูชาอย่างไม่มีความชอบธรรม หลักฐานและพยานมีมากมายที่บอกว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของไทย ซึ่งกัมพูชาอพยพมาอาศัยพึ่งร่มพระโพธิสมภาร
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวเสริมว่า ตนเองได้พูดมาตลอดว่านายกรัฐมนตรีอย่าใช้กำลังทหารเพียงแค่จัดวันเด็กและใช้สวนสนามเท่านั้น แต่ต้องใช้แสนยานุภาพที่เหนือกว่ากัพูชาเป็นอำนาจในการต่อรอง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องไปทำร้ายทำลายซึ่งกันและกัน เพียงแค่แสดงทุกวิถีทางว่าเราไม่ยอม และต้องทำความเข้าใจระหว่างคำว่าปะทะกับสงคราม ซึ่งการปะทะนั้นเป็นการรบกันเล็กน้อยตามตะเข็บชายแดน ในปัจจุบันก็มีเกิดขึ้นทั่วโลก ส่วนสงครามนั้นเป็นการรบที่อาศัยแสนยานุภาพในการถล่มทลายกัน
"สิ่งที่รัฐบาลมาพูดกับประชาชนว่าหากยกเลิก MOU ปี 2543 จะทำให้เกิดสงครามนั้นจึงเป็นคำพูดที่โกหก" พล.ต.จำลอง กล่าว