กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้องรัฐบาลเร่งดำเนินการเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ

ข่าวการเมือง Friday January 28, 2011 14:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุกรณีที่รัฐบาลปล่อยให้มีการนำธงหรือป้ายที่เป็นสัญลักษณ์ของกัมพูชาอยู่ในดินแดนไทยเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่ารัฐบาลไทยยอมรับการสำแดงอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาบนผืนแผ่นดินไทย

"หากนายกฯอภิสิทธิ์ และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ เชื่อในหลักสันปันน้ำตามที่ได้เคยออกมาชี้แจงผ่านเฟสบุ๊ค ต้องทำทุกวิถีทางให้ทางการกัมพูชานำธงและป้ายสัญลักษณ์ใดๆที่แสดงถึงอธิปไตยของกัมพูชาออกทันที" นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าว

โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า หากรัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องแผ่นป้ายเพียงแค่กลบกระแสข่าว นายกฯต้องไม่ลืมหรือเบี่ยงเบนประเด็นธงและป้ายต่างๆในวัดแก้วสิกขาฯที่เกิดขึ้นมาเป็นปีแล้ว

"หากนายกฯต้องการขจัดการละเมิดอธิปไตยไทย ต้องให้กัมพูชานำธงชาติลง และป้ายภาษากัมพูชาออกโดยไม่มีเงื่อนไขและในทันที ขอให้กำหนดระยะเวลาด้วยว่าจะรื้อออกได้ในกี่วัน" นายปานเทพ กล่าว

สำหรับการชุมนุมในช่วงวันที่ 28-30 ม.ค.นี้คาดว่า จะมีคนมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก เพื่อพิสูจน์ว่าการชุมนุมครั้งนี้พร้อมที่จะยืดเยื้อ โดยมีคนที่พร้อมเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง แต่บางคนอาจร่วมชุมนุมในบางช่วงเวลาตามความสะดวกของตนเอง

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมโดยไม่เป็นธรรม ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าจุดที่ถูกจับตัวนั้นอยู่ในแผ่นดินไทย รวมทั้งไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ทับซ้อน ซึ่งสอดคล้องกับ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ และนายตายแน่ มุ่งมาจน ที่ถูกจับกุมพร้อมกัน โดยทั้งหมดระบุว่าถูกจับในดินแดนไทย ก่อนถูกลากตัวไปในพื้นที่กัมพูชาเพื่อถ่ายรูปให้มีระยะห่างจากชายแดน 55 เมตรตามข่าว

"สิ่งที่รัฐบาลพูดมาเสมอว่า 7 คนไทยล้ำดินแดนจนทำให้ถูกจับคุกและตัดสินมีความผิดแล้วเมื่อ 5 คนกลับมา ร.ต.แซมดินได้เปิดเผยอีกว่าได้รับการติดต่อจากนายกฯ อภิสิทธิ์ให้ไปเตรียมการให้ตรงกันก่อน ก่อนที่นายกฯอภิสิทธิ์จะออกชี้แจงผ่านการถ่ายทอดสดเมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมาปรากฎว่า ร.ต.แซมดินได้มาออกรายการที่เอเอสทีวีเสียก่อน นายกฯอภิสิทธิ์จึงต้องเลื่อนเวลาการชี้แจงออกไป โดยเบี่ยงเบนทำให้คลุมเครือว่าแท้จริงแล้ว 7 คนไทยถูกจับบริเวณใดกันแน่" นายปานเทพ กล่าว

โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า รัฐบาลเหลือเวลาอีก 5 วันก่อนถึงวันที่ 1 ก.พ.ที่จะมีการตัดสิน 2 คนไทยที่เหลือในข้อหาที่เป็นเท็จของศาลกัมพูชา เพราะกัมพูชาไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินความผิดในฐานะที่ล้วงล้ำดินแดน เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าทั้งหมดยังอยู่ในประเทศไทย

"การที่รัฐบาลไทยต่อสู้คดีโดยยอมรับอำนาจศาลกัมพูชาแล้วประท้วงเฉพาะเรื่องเขตแดนนั้นไม่เป็นธรรมกับคนไทยทั้งหมด รัฐบาลต้องใช้มาตรการทางการทหาร และทางเศรษฐกิจเพื่อกดดันให้มีการปล่อย 2 คนไทยอย่างไม่มีเงื่อนไข" นายปานเทพ กล่าว

ด้านนายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของเราไม่ได้ต้องการเพียงให้กัมพูชาลดธงออกจากวัดแก้วฯเท่านั้น เพราะตัวนายกฯอภิสิทธิ์ และนายกษิตก็ยอมรับว่าพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นพื้นที่ประเทศไทย และบอกมาตลอดว่าจะทำการประท้วงกดดันให้กัมพูชาออกจากพื้นที่ แต่มาถึงวันนี้นอกจากไม่จะไม่ออกจากพื้นที่ไปแล้วยังมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรและปักธงชาติไว้ ดังนั้นรัฐบาลไทยต้องเร่งผลักดันวัดและชุมชนกัมพูชาทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ออกไปทันที ซึ่งจะมีการประชุมเพื่อหารือยื่นคำขาดกำหนดเวลาให้แก่รัฐบาลต่อไป

ส่วนเรื่องที่นายพนิชออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงว่าคนไทยถูกจับในแผ่นดินไทยนั้น รัฐบาลต้องรับดำเนินการให้ 2 คนไทยกลับมาโดยไม่ถูกดำเนินคดี ส่วน 5 คนไทยที่ถูกตัดสินลงโทษไปก่อนหน้านี้จากการสร้างหลักฐานให้สมยอมนั้น นายกฯอภิสิทธิ์ต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองในฐานะผู้นำประเทศ หรือควรที่จะต้องพิจารณาตัวเอง ส่วนความรับผิดทางกฎหม่ายเป็นเรื่องที่ภาคประชาชนจะดำเนินการอยู่แล้ว แต่ความรับผิดชอบทางการเมืองต้องมาก่อน

โฆษกการชุมนุมฯ กล่าวว่า นอกจากรัฐบาลชุดนี้ไม่ฟังเสียงประชาชนแล้ว ยังมีความดื้อดึงอย่างยิ่ง โดยมีการตระเตรียมกำลังทั้งทหารตำรวจเพื่อตอบโต้การชุมนุมของภาคประชาชน ซึ่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่มีผู้ชุมนุมมากอาจจะมีการขอฉันทามติในการยกระดับการชุมนุมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งต้องมีการหารือกันระหว่างแกนนำเสียก่อน

ส่วนกระแสข่าวยุบสภานั้นเป็นเพียงการปล่อยข่าวเพื่อให้ยุติการชุมนุม ซึ่งตนเองเห็นว่าเป็นไปไม่ได้เพราะหลังแก้รัฐธรรมนูญยังต้องมีกระบวนการตามหลังมาอีกไม่น้อยกว่า 2-3 เดือน จึงเป็นเพียงเกมลวงที่ต้องการอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ