นายกรัฐมนตรี เชื่อรัฐบาลไทย-กัมพูชามีความมุ่งมั่นและยึดแนวทางเจรจาโดยสันติวิธีในการแก้ไขปัญหาพิพาทเกี่ยวกับชายแดนของทั้งสองประเทศ โดยยืนยันรัฐบาลไม่ได้มีความเกรงกลัวเรื่องการทำสงคราม แต่อยากให้เป็นทางเลือกสุดท้าย และปฏิเสธไม่ได้ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของกัมพูชาตามที่มีการกล่าวหา
"ผมเชื่อว่าขณะนี้รัฐบาลของทั้งสองประเทศต้องการหาแนวทางที่จะมีการเจรจาหาข้อยุติมากกว่า มันไม่เคยมีที่จะมีการปะทะเสร็จแล้วการแก้ปัญหาจะจบสิ้นไป และไม่ใช่เรื่องกลัวหรือไม่กลัว แต่ต้องถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วการแก้ไขด้วยสงครามควรเป็นทางเลือกแรกหรือทางเลือกสุดท้าย" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยังเดินหน้าดำเนินการเรื่องให้กัมพูชาปลดธงชาติของตนเองออกจากพื้นที่พิพาท เนื่องจากไม่สามารถนำพื้นที่ที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเขตแดนไปอ้างในเชิงสัญลักษณ์ได้
ส่วนข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากรัฐบาลทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าวแล้วส่งผลให้กัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบหรือไม่ แต่รัฐบาลเห็นว่าแนวทางการต่อสู้ในคณะกรรมการมรดกโลกยังเป็นทางออกได้
"ข้อเรียกร้อง 3 ข้อที่เขา(กลุ่มพันธมิตรฯ)ที่เรียกร้อง ผมเห็นว่ามีความเสียหายมากกว่าที่จะได้ แล้วผมต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ...ถ้าวันนี้ผมทำตามเรื่องการถอนตัวออกจากคณะกรรมการมรดกโลก ไม่มีใครคัดค้านกัมพูชาในเดือนมิถุนายน แล้วกัมพูชาเดินหน้า คนที่มาเรียกร้องให้ถอนตัวจะมารับผิดชอบหรือไม่ ซึ่งผมตัดสินใจเรื่องนี้ไม่มีเรื่องผลประโยชน์อะไรเลย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การช่วยเหลือทางคดีคนไทยที่เหลืออยู่ 2 คนนั้นจะต้องรอความชัดเจนของศาลกัมพูชาในวันพรุ่งนี้ก่อน หากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว รัฐบาลก็จะดำเนินการในทางบริหารด้วยการเจรจาขอความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชา รวมถึงการตัดสินใจของนายวีระ สมความคิด และนางราตรี พิพัฒนไพบูรณ์ ด้วย