นายกรัฐมนตรี เผยรัฐบาลไม่มีแนวคิดที่จะสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งปักหลักชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ต้องปิดการจราจรไปโดยปริยาย ตั้งแต่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ต่อเนื่องจนถึงเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ เพียงแต่ต้องการให้เปิดช่องทางจราจรช่วงกลางวันเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน
"ไม่มีหรอกครับ...เพียงแต่ต้องการเปิดถนนในบางส่วนเท่านั้นเอง" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว
ก่อนหน้านี้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาระบุว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ 1.การส่งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาเจรจาเพื่อขอคืนพื้นผิวจราจร 2.เสริมกำลังตำรวจเพื่อสลายการชุมนุม และ 3.จ้างคนภายนอกเข้ามาก่อเหตุป่วนภายในกลุ่มผู้ชุมนุม
ส่วนกรณีที่มีการซักซ้อมการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวานนี้ไม่ได้เป็นการข่มขู่ แต่เป็นการดำเนินงานตามปกติของเจ้าหน้าที่
"การซ้อมไม่ได้ขู่ เขาเป็นฝ่ายพูดก่อนว่าจะบุกเข้าไปในทำเนียบฯ เราไม่ต้องการให้มีการบุกรุกสถานที่ราชการ ไม่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่เหตุผลที่กลุ่มพันธมิตรฯ นัดระดมพลในวันที่ 5 ก.พ.นี้เพื่อขับไล่รัฐบาล แต่ยอมรับว่าความเห็นของรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯ แตกต่างกัน และข้อเรียกร้องในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาพิพาทเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชาของรัฐบาล
ส่วนกรณีที่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เตรียมขอฉันทามติในการชุมนุมยืดเยื้อนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน และขอยืนยันว่าฝ่ายตุลาการมีความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่