ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ แนวร่วมเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ซึ่งเป็น 1 ใน 7 คนไทยที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัวไปดำเนินคดีบุกรุกชายแดน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี, นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประทศ, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.ต่างประเทศ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันกระทำการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐต้องเสื่อมเสียไป คบคิดกับบุคคลซี่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของต่างประเทศในทางที่เป็นปรปักษ์กับรัฐ และเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ทำกิจการของรัฐบาลต่างประเทศไม่ปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมาย พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 5,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,119,120,126,128 และ 129
โดยโจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.53 โจทก์กับพวกอีก 6 คนได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบเขตแดนของราชอาณาจักรไทยบริเวณหลักเขตแดนที่ 46 และ 48 บ้านหนองจาน ต.โนนหมากนุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ตามที่มีราษฎรไทยร้องเรียนว่าชาวกัมพูชาบุกเข้ามารุกล้ำและยึดครองที่ทำกิน ทั้งที่ราษฎรไทยมีเอกสารสิทธิ์ที่ทำกิน ขณะที่โจทก์กับพวกกำลังตรวจสอบก็ถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัว และต่อมาศาลกัมพูชาได้ลงโทษจำคุกโจทก์กับพวก 5 คนคนละ 9 เดือน ฐานเข้าราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ กระทั่งวันที่ 22 ม.ค.54 โจทก์กับพวกรวม 5 คนได้รับการปล่อยตัว
ทั้งที่จำเลยที่ 1 และ 2 ทราบเรื่องและมีหน้าที่เรียกร้องให้ประเทศกัมพูชาระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีกับพวกโจทก์ตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่าง รัฐบาลไทยกับกัมพูชา พ.ศ.2543(MOU 2543) โดยใช้หลักความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน แต่จำเลยที่ 1 และ 2 กลับไม่ยอมช่วยเหลือไม่ยอมประท้วง และยังยอมรับกับสื่อมวลชนด้วยว่า พวกโจทก์รุกล้ำเข้าไปในเขตแดนกัมพูชาถึง 1 กม.เศษจริง และยอมรับว่ากัมพูชามีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนเหนือบ้านจาน ฝ่ายไทยต้องเคารพกระบวนการและขั้นตอนของชาวกัมพูชาโดยมีจำเลยที่ 3 และ 4 เป็นผู้สนับสนุน
การกระทำของจำเลยกับพวกทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียอิสรภาพ ชื่อเสียง และต้องถูกศาลกัมพูชาพิพากษาว่ามีความผิด โจทก์จึงขอเรียกค่าเสียหายอัตราวันละ 200 บาท เป็นเวลา 25 วันด้วย