แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เผยไม่รู้สึกหวั่นไหวหลังมีข่าวรัฐบาลเตรียมนำกฎหมายความมั่นคงมาประกาศใช้ดูแลการชุมนุมในพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา โดยยืนยันจะปักหลักชุมนุมต่อไปจนกว่าข้อเรียกร้องจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล และยอมให้จับกุมดำเนินคดีโดยไม่ขัดขืน
"เราไม่ยอม จะมาจับก็จับไป ถึงติดคุกก็ติดไม่นานเพราะเป็นความผิดไม่ร้ายแรงอะไร ติดตารางเสียอิสรภาพก็ยังดีกว่าเสียดินแดน...ไม่ใช่การท้าทาย ถ้ารัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็ยอมให้จับ ไม่ขัดขืน จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาพันธมิตรฯ ไม่เคยให้ประชาชนไปกดดันตำรวจ ศาล หรือเรือนจำ" พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าว
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ว่า วันพรุ่งนี้(8 ก.พ.) จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงเพื่อดูแลการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา
"ขอเตือน(พล.ต.อ.)วิเชียร รัฐบาลจะไปแล้วยังตั้งหน้าตั้งตาประจบด้วยการกำจัดคนไทยออกไปจากดินแดนไทย หากเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ ถ้าเขาเห็นคุณทำอะไรไม่เข้าท่าก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน คุณเก่งอะไรมาเก่งกับคนไทยกันเอง โดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีอาวุธ" พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง ยืนยันว่า ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ กลุ่มพันธมิตรฯ จะมีการเคลื่อนขบวนอย่างแน่นอนหลังแกนนำฯ มีมติที่ชัดเจนแล้ว แต่ยังจะไม่บอกว่าไปไหน ไปสถานที่เดียวหรือหลายที่ โดยจะประกาศพร้อมกันในช่วงเช้าวันที่ 11 ก.พ. แต่มีเป้าหมายอยู่ในใจแล้ว
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงประณามรัฐบาลและทหารกัมพูชาใน 3 ประเด็น คือ ประการที่ 1 ใช้อาวุสงครามเจตนาอย่างชัดเจนที่จะยิงใส่ราษฎรไทยผู้บริสุทธิ์ ทั้งๆ ที่มีข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกันแล้ว สะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชามีเจตนาเพื่อสร้างความเดือดร้อนและทำร้ายประชาชนไทยผู้บริสุทธิ์ เพื่อหวังผลทางการเมืองต้องการทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนไทยด้วยกัน ทำให้ราษฎรไทยเดือดร้อนแล้วมากล่าวโทษพันธมิตรฯ ว่าเป็นสาเหตุ เพื่อมิให้สามารถไปหยุดยั้งการคุกคามและละเมิดอธิปไตยไทยโดยทหารกัมพูชา
ประการที่ 2 การที่กัมพูชาใช้ปราสาทพระวิหารเป็นฐานทัพที่ซ่องสุ่มอาวุธ และเป็นเกราะกำบังในการทำร้ายประชาชนชาวไทยและทหารไทย โดยประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่าบัดนี้ปราสาทพระวิหารเป็นฐานทัพของกัมพูชาแล้ว และประการที่ 3 การทำร้ายราษฎรไทยผู้บริสุทธิ์ โดยตั้งฐานทัพที่ล้วนแล้วแต่อยู่ในแผ่นดินและอธิปไตยไทยทั้งสิ้น
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า ขณะนี้กัมพูชาพยายามร้องขอให้องค์การสหประชาชาติ (UN) ให้มาแทรกแซงหรือเป็นตัวกลางในการเจรจา สะท้อนให้เห็นว่าที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อ้างว่า MOU ปี 43 ไม่ทำให้เกิดสงครามหรือป้องกันไม่ให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซงนั้นเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น เพราะกัมพูชาสามารถอาศัยสภาพในขณะนี้ร้องขอต่อ UN ว่าไทยรุกรานกัมพูชา
"ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่กัมพูชาทำเช่นนี้ แต่มีความพยายามมากว่า 50 ปีที่ต้องการดึง UN เข้ามาช่วยเหลือแทรกแซงเพื่อสร้างการยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 โดยอ้าง MOU ปี 43 ดังนั้นฝ่ายไทยต้องหยุดยั้งไม่ให้ UN เข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากการปะทะที่เกิดขึ้นไม่ใช่ภัยคุกคามต่อภูมิภาค เป็นความขัดแย้งของ 2 ประเทศเท่านั้น ทั้ง UN หรืออาเซียนไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ายุ่งเกี่ยว" นายปานเทพ กล่าว
พร้อมระบุว่า สิ่งที่ฝ่ายไทยยอมรับได้สูงสุดคือ การให้ UN เข้ามาร่วมรับฟังการเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชาเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์แทรกแซงหรือตัดสินกรณีเขตแดนใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนกรณีที่รัฐบาลยังยืนยันว่า MOU ปี 43 สามารถทำให้เกิดการเจรจายุติการปะทะได้นั้น นายปานเทพ กล่าวว่า ภาคประชาชนได้เคยเตือนรัฐบาลมาตลอดว่า การยึดถือ MOU ปี 43 โดยที่การรุกล้ำดินแดนและอธิปไตยไทยและใช้เป็นฐานทัพของทหารกัมพูชายังคงอยู่ จะเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อราษฎรไทย ซึ่งก็เกิดขึ้นจริงๆ หลังจากเจรจาหยุดยิง ปรากฎว่ากัมพูชายิงใส่ราษฎรไทยโดยไม่สนใจข้อยุติดังกล่าว เพราะฉะนั้นรัฐบาลไทยต้องมีมาตราการชัดเจนเพื่อหยุดยั้งการรุกรานและใช้อาวุธสงครามต่อราษฎรไทยในทุกวิถีทาง โดยเฉพาะฐานทัพที่อยู่ในประเทศไทยและใช้เป็นจุดที่ยิงทหารและราษฎรไทยอย่างต่อเนื่อง
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า กัมพูชามีเจตนาวางกำลังเพื่อรุกรานดินแดนไทยอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นการเจรจาผ่าน MOU ปี 43 โดยปล่อยให้มีการรุกล้ำดินแดนเรื่อยๆ จะก่อให้เกิดปัญหามากกว่านี้ และหากรัฐบาลมัวแต่มีความคิดว่าพันธมิตรฯ จะนำเรื่องนี้มาเล่นการเมืองในประเทศนั้น ขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง ชีวิตของราษฎรที่กำลังถูกคุกคามโดยฐานทัพกัมพูชาที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลละเลย มุ่งแต่ใช้ MOU ปี43 ในการห้ามใช้กำลังทหารผลักดัน จนเกิดมีถนน บันได สิ่งปลูกสร้าง และกองกำลังติดอาวุธมาตั้งฐานในดินแดนไทย หากทำตามภาคประชาชนแต่แรกเรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย