นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะหัวหน้าทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล กล่าวว่า ตนเองแบ่งคณะกรรมการเตรียมการอภิปรายออกเป็น 2 กลุ่ม คือ คณะกรรมการที่ปรึกษา และคณะทำงานรวบรวมข้อมูล
โดยคณะกรรมการที่ปรึกษา ประกอบด้วย คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค คณะกรรมการประสานภารกิจของพรรค คณะทำงานติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย(คตร.) ศูนย์กรกฎ สำนักปราบโกง(สปก.) ประธาน ส.ส.พรรค ประธานภาค และฝ่ายกฎหมายของพรรค
ขณะที่คณะทำงานรวบรวมข้อมูลนั้นตนเองจะเป็นประธาน พร้อมด้วยรองประธานอีก 2 คน คือ นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) และนายสุพล ฟองงาม เลขาธิการพรรคฯ
นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 35 คณะที่มี ส.ส.ของพรรคอยู่ร่วมเป็นคณะทำงานอีกด้วย โดยจะมีคณะกรรมการและเลขานุการ 6 คน ประกอบด้วย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน, นายจตุพร เจริญเชื้อ ส.ส.ขอนแก่น, นส.ฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. และ น.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร อดีตเลขาธิการพรรคฯ ซึ่งจะเป็นผู้รวบรวมข้อมูล เนื้อหาสาระ และหลักฐานต่างๆ เพื่อแบ่งเอาไว้เป็นกองๆ
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ตนเองได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบถึงรายละเอียดการมีส่วนร่วมแล้วว่า เราเปิดกว้างให้ ส.ส.เข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็น การเสนอตัวเป็นผู้อภิปรายหรือเป็นผู้สนับสนุนให้ข้อมูลและข้อเท็จจริง และที่ตนเองคิดไว้ขณะนี้คือ ผู้อภิปราย 1 คนจะมีผู้ช่วย 5 คน
ทั้งนี้ หลังจากพรรคฯ มีมติให้นายมิ่งขวัญทำหน้าที่หัวหน้าทีมอภิปรายฯ และส่งรายชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแนบท้ายญัตติไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในวันนี้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคฯ ได้ออกคำสั่งอย่างเป็นทางการแล้ว
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เนื้อหาการอภิปรายนั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ 1.เรื่องความมั่นคง ความไม่เป็นธรรมของข้าราชการ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการชุมนุม 2.การทุจริตต่างๆ ที่มีข้อมูลค่อนข้างเยอะมาก ซึ่งถึงขณะนี้ได้คัดกรองเนื้อหาไปมากแล้ว โดยเนื้อหาเด่นๆ มีอยู่ถึง 28 เนื้อหาของการทุจริตใหญ่ๆ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นข้อมูลจำเพาะของ ส.ส.ที่ตั้งใจจะทำเรื่องนั้นๆ มาตั้งแต่แรก และ 3.เรื่องเศรษฐกิจ ทั้งจุลภาคและมหภาค เช่น ปัญหาปากท้อง สินค้าราคาแพง การทุจริตที่เกี่ยวกับปากท้องประชาชน หนี้สิน และรายรับรายจ่ายงบประมาณของประเทศ
"การอภิปรายครั้งนี้รับรองว่ามีประเด็นทุกมิติ ไม่ซ้ำซ้อน คนดูจะไม่เบื่อ เปรียบเป็นหนังก็คือมินิซีรีย์ โดยเนื้อหาจะไปแนวทางเดียวกันหมดในแต่ละวันเพื่อไม่ให้เนื้อหาวกไปวนมา ถ้าอภิปรายเรื่องทุจริตก็เป็นเรื่องทุจริตตลอดทั้งวัน ส่วนการอภิปรายจะดุเดือดอย่างไร รัฐบาลชี้แจงแล้วประชาชนจะเชื่อหรือไม่นั้น ตรงนี้ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน โดยสะท้อนไปยังผลการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ส่วนที่ไม่แถลงผลคืบหน้าการเตรียมการอภิปรายทุกวันนั้นเพราะกลัวว่าฝ่ายรัฐบาลจะหวั่นไหว" นายมิ่งขวัญ กล่าว
สำหรับผู้ร่างญัตติถอดถอนและญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น พรรคได้มีมติแต่งตั้งนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร นายประยุทธ ศิริพานิชย์ ส.ส.มหาสารคาม และฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อทำหน้าที่
ส่วนช่วงเวลาที่จะยื่นญัตตินั้นกำลังพิจารณาให้เหมาะสม เนื่องจากวันที่ 10 ก.พ.จะมีการรายงานผลงานของรัฐบาลต่อรัฐสภา วันที่ 11 ก.พ.จะมีการลงมติรับหรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 และวันที่ 16 ก.พ.รัฐบาลจะขอทำงบประมาณกลางปี 2554 ซึ่งดูเงื่อนไขแล้วช่องไฟแทบจะไม่มีโอกาสให้ได้ยื่นญัตติเลย ดังนั้นจึงขอเวลาพิจารณาเหตุการณ์บ้านเมือง เพราะขณะนี้ก็มีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเข้ามาอีก แต่ยืนยันว่าเรื่องวันยื่นญัตตินั้นจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 วันแน่นอน
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ส่วนจะมีการอภิปรายรัฐมนตรีคนใดบ้างนั้น ขณะนี้ข้อมูลการทุจริตมีมาก คณะทำงานที่แบ่งออกเป็นทีมย่อยกำลังพิจารณาเป็นเรื่องๆ ส่วนจำนวนวันอภิปรายนั้นเท่าที่ดูข้อมูลต้องขอเวลาอภิปราย 5 วัน เนื่องจากเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายก่อนที่รัฐบาลหมดวาระจึงถือว่ามีความสำคัญ อีกทั้งข้อมูลการทุจริตมีมากในทุกมิติ และเป็นหน้าที่หลักของฝ่ายค้านที่ต้องนำข้อเท็จริงรายงานให้ประชาชนทราบ ดังนั้นหวังว่ารัฐบาลจะเปิดกรอบระยะเวลาให้อภิปรายมากที่สุด
"แนวโน้มเป็นรายบุคคล แต่กี่พรรคนั้นยังบอกไม่ได้ หลังวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่มีการอภิปรายงบกลางปีแล้ว ซึ่งผมจะร่วมอภิปรายด้วยคงจะชัดเจนว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจวันไหน" นายมิ่งขวัญ กล่าว
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ไม่กลัวเรื่องข้อมูลจะรั่วไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล เพราะมีการดูข้อมูลแต่ละเรื่องเป็นกลุ่มๆ อยู่แล้ว สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรค นั้นได้มีการเชิญให้ร่วมอภิปรายอย่างน้อย 3 ครั้งแล้ว และยังมีเวลาที่จะร่วมอภิปราย
ส่วนข้อมูลที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำมาเปิดเผยนั้น นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ได้ข่าวว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เชิญให้ตนเองติดตามดูอยู่เหมือนกัน แต่พรรคเพื่อไทยมีข้อมูลอยู่พอสมควรอยู่แล้ว และขอขอบคุณกลุ่มพันธมิตรฯ