นายประพันธ์ คูณมี โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีการปะทะตามแนวชายแดนที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่าสมเด็จฮุน เซนพยายามที่ก่อเหตุให้เป็นสงครามเต็มรูปแบบ จากทั้งที่แถลงต่อนายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาติ (ยูเอ็น) และต่อกับสื่อมวลชนในกัมพูชา โดยเหตุที่สมเด็จฮุน เซนต้องการเช่นนั้น เนื่องจากต้องการดึงให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเคยทำสำเร็จแล้วเมื่อครั้งการตัดสินของศาลโลกต่อกรณีปราสาทเขาพระวิหาร เมื่อปี 2505 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศมหาอำนาจที่มีผลประโยชน์ในกัมพูชา ทั้งสหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส อีกทั้งยังเป็นการคานดุลอำนาจของประเทศจีนที่แผ่ขยายอยู่ในอาเซียน โดยใช้กัมพูชาและเวียดนามเป็นฐาน
เรื่องเหล่านี้เป็นประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศที่รัฐบาลควรเข้าใจ รัฐบาลไทยต้องยึดมั่นในการเจรจาระดับทวิภาคีกับกัมพูชาเท่านั้น โดยอ้างเหตุการปะทะที่กัมพูชารุกล้ำยึดครองดินแดนไทยและเป็นฝ่ายโจมตีก่อน เพื่อยกเลิกสนธิสัญญาที่ไทยเสียเปรียบหรือใช้กำลังผลักดันให้กัมพูชาออกจากอาณาเขตไทย เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่รัฐบาลสามารถทำได้ รวมทั้งมาตรการทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงาน ทั้งน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่นายฮุนเซนกลัวมาก เพราะยุทโธปกรณ์ของกัมพูชาต้องใช้น้ำมันของไทยเป็นหลัก
“วันนี้กองทัพไทยเคลื่อนกำลังไปประชิดชายแดนนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่หากต้องการใช้การเจรจาในระดับทวิภาคีไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมากขนาดนั้น เพราะศักยภาพของกองทัพไทยสูงกว่ากัมพูชามาก เกรงว่าจะทำให้ภาพกลายเป็นสงครามอย่างที่นายฮุนเซนต้องการ ดังนั้นยุทธวิธีในระดับเสนาธิการจำเป็นต้องปรับ" นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวถึงการขอพื้นที่คืนหรือสลายการชุมนุมนั้น ยืนยันว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯไปเป็นด้วยความสงบสันติ ไม่มีความพยายามก่อนความปั่นป่วนไปปิดล้อมรัฐสภาอย่างที่เกรงกัน
ทั้งนี้ พันธมิตรฯ เล็งเป้าหมายของการชุมนุม 3 ข้อที่ให้รัฐบาลออกมาทำหน้าที่ปกป้องดินแดนอธิปไตย โดยพยายามหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของประชาชน และไม่ได้ต้องการที่จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจรัฐ ขับไล่รัฐบาลแต่อย่างใด แต่เหตุที่ต้องยกระดับข้อเรียกร้องดังกล่าวเนื่องจากรัฐบาลไม่มีความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ดังที่เราได้ให้ข้อเท็จจริงในพฤติกรรมของรัฐบาลตลอดมา จนเป็นที่มาของฉันทามติให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีลาออกทั้งคณะ
"เราต้องการเพียงนำความจริงมาบอกประชาชน เพื่อให้รัฐบาลทำหน้าที่ ตราบใดที่ยังไม่ทำหน้าที่เราก็ยืนหยัดอยู่ตรงนี้ รวมทั้งหากกัมพูชายังยึดครองดินแดนไทยอยู่อย่างนี้ เราก็คงหยุดภารกิจนี้ไม่ได้" นายประพันธ์ กล่าว
ขณะที่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (11 ก.พ.) เวลา 09.00 น.จะมีการนำสิ่งของไปมอบให้แก่ทหารและชาวที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุปะทะในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
หลังจากเปิดรับบริจาคสิ่งของและเงินตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. ถือว่าได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนดีเกินคาด โดยมียอดเงินที่ได้รับบริจาคมีมากกว่า 1.1 ล้านบาท คาดว่าจะมีรถบรรทุก 6 ล้อ 2 คันและรถกระบะ 2 คัน ส่วนเงินที่ได้จะนำไปจัดหาสิ่งของเพิ่มเติมทั้งหมด
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า คาดว่าในวันนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเจรจาขอคืนพื้นที่บางส่วนอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ปฏิเสธไปแล้ว พร้อมระบุว่า พื้นที่นี้เป็นเพียงจุดเดียวเท่านั้น ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนใดๆ มากมาย อย่างไรก็ตามหากมีการสลายการชุมนุมจริง ตนและมวลชนอีกจำนวนมากก็พร้อมที่จะกลับมาใหม่
"การออกมาของพันธมิตรฯ ทำประโยชน์ให้ประเทศมากมาย โดยเฉพาะวันนี้ที่คณะกรรมการมรดกโลกจะไม่พิจารณาปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก เพราะเกิดเหตุปะทะที่กัมพูชาโจมตีไทยก่อน"พล.ต.จำลอง กล่าว
พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงข้อเสนอในการตัดการส่งน้ำมันไปที่กัมพูชา ที่รัฐบาลไม่ทำไม่ทราบว่าติดผลประโยชน์ของผู้ใดอยู่ รวมทั้งการยกกำลังไปมากมายนั้นกลับไม่มีการผสานความร่วมมือระหว่างกองทัพบกและกองทัพอากาศ ที่จะเป็นกำลังที่ทรงอานุภาพและทำให้เกิดการสูญเสียน้อย ที่ผ่านมากก็ยังไม่เห็นแต่อย่างใด
"สิ่งที่มีแล้วไม่ใช้ก็เหมือนไม่มี ไม่เกิดประโยชน์ ทั้งอำนาจต่อรองทางทหารหรือทางเศรษฐกิจ" พล.ต.จำลองระบุ