อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.)ระบุไม่ยอมรับคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่สั่งให้จ่ายเงินชดใช้กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี เนื่องจากเห็นว่าคำชี้ขาดดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะสัญญาว่าจ้างเป็นโมฆะและไม่ได้มีสัญญาเกิดขึ้น
"คพ.ไม่รับคำตัดสินดังกล่าว และจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอนุญาโตตุลาการ เนื่องจากเห็นว่าคำชี้ขาดนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยสัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะและไม่ได้มีสัญญาเกิดขึ้น"นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดี คพ.กล่าว
ก่อนหน้านี้ คณะอนุญาโตตุลาการตัดสินชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างกิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจีกับ คพ.กรณีผิดสัญญาโครงการก่อสร้างบำบัดน้ำเสียในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดสมุทรปราการ(คลองด่าน)โดยมีคำสั่งให้ คพ.ชำระเงินค่าจ้าง ค่าเสียหาย รวมดอกเบี้ยตามข้อเรียกร้องให้กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจีมูลค่ากว่า 5.9 พันล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่ 28 ก.พ.46 ถึงปัจจุบัน
อธิบดี คพ.กล่าวว่า หลังได้รับสำเนาคำตัดสินเมื่อวันที่ 24 ม.ค.54 คพ.ได้ส่งหนังสือคัดค้านคำตัดสินดังกล่าวและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอนุญาโตตุลาการ พร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องไปถึงปลัดกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40 เรื่องการคัดค้านคำชี้ขาด โดยระบุว่าสามารถยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจภายใน 90 วัน นับแต่ได้รับสำเนาคำชี้ขาด รวมทั้งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2544 ข้อ 5 ที่ระบุว่า ถ้าสัญญาระหว่างหน่วยงานรัฐกับเอกชนมีข้อกำหนดให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาท เมื่อเกิดข้อพิพาทดังกล่าวขึ้น และหน่วยงานรัฐได้ยินยอมให้ใช้อนุญาโตตุลาการระงับข้อพิพาท หากเกิดข้อพิพาทขึ้นหน่วยงานรัฐต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดนั้น เว้นแต่คำชี้ขาดนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมิได้อยู่ในขอบเขตแห่งสัญญา
อธิบดี คพ.กล่าวว่า นอกจากนี้ในข้อ 7 ยังระบุว่า หากหน่วยงานสงสัยว่ามีเหตุตามข้อ 5 ที่จะไม่ปฏิบัติตามคำชี้ขาด ให้หน่วยงานรัฐส่งสำเนาคำชี้ขาดพร้อมคำชี้แจงให้กระทรวงการคลังเพื่อขอความเห็นใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนา รวมทั้งต้องแจ้งให้คู่กรณีทราบถึงการดำเนินการดังกล่าวด้วย ซึ่ง คพ.ได้ส่งหนังสือแจ้งไปให้คู่กรณีทราบแล้วเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ คพ.ยังดำเนินการส่งหนังสือถึงสำนักอัยการสูงสุดชี้แจงกรณีดังกล่าวล่วงหน้า เพื่อเตรียมดำเนินการขั้นตอนต่อไป
"หากกระทรวงการคลังเห็นด้วยกับการคัดค้านคำตัดสินดังกล่าว แต่หากกระทรวงการคลังชี้ขาดให้จ่ายเงิน กรมควบคุมมลพิษยินยอมจ่ายเงินตามคำสั่งนั้น ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลประมาณต้นเดือนมีนาคมนี้" นายสุพัฒน์ กล่าว
อธิบดี คพ.กล่าวว่า ได้แสดงเอกสารเพิ่มเติมต่อสำนักอัยการสูงสุดเป็นคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในเรื่องของที่ดินที่จะใช้ก่อสร้างโครงการนี้ และคำพิพากษาศาลแขวงดุสิตที่ คพ.ได้ยื่นฟ้องผู้ร่วมกิจการเอ็นวีพีเอสเคจี ในข้อหาโกงที่ดินและสัญญา ซึ่งในกรณีนี้ทั้ง 2 ศาลตัดสินให้จำคุกผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการยื่นอุทธรณ์
การดำเนินโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่านนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าการเข้าไปสำรวจพื้นที่ดังกล่าวสามารถทำได้หรือไม่ เนื่องจากมีประชาชนยื่นฎีกาถวายในหลวง โดยระบุว่ามติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เรื่องการเข้าไปดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทางเลือกในตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปชัดเจนได้ว่าสถานภาพของสิ่งก่อสร้างจะเป็นไปอย่างไร แต่หากศาลชี้ว่า คพ.สามารถเข้าไปสำรวจได้ก็คาดว่าจะทำการสำรวจในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
สำหรับจำนวนเงินที่คณะอนุญาโตตุลาการสั่งให้ คพ.จ่ายให้แก่กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี มูลค่ากว่า 5.9 พันล้านบาทนั้น แยกเป็น เงินต้น 4,424,099,982 บาท และ 26,434,636 เหรียญสหรัฐ รวมทั้งกิจการร่วมค้าดังกล่าวคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ยื่นคำร้องต่ออนุญาโตตุลาการ คือ 28 ก.พ.46 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,983,342,383 บาท และ 31,035,780 เหรียญสหรัฐ ซึ่งนับถึงปัจจุบันมียอดเงินประมาณ 9 พันล้านบาท