ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) ระบุฝ่ายค้านสามารถยื่นตีความร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้แต่ต้องดำเนินการก่อนที่รัฐบาลจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยมั่นใจศาลรัฐธรรมนูญไม่รับตีความเหตุไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ขณะที่ข้อบังคับการประชุมรัฐสภามีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ
"ผลการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะถือว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับผ่านการพิจารณาของรัฐสภาแล้ว ขั้นตอนต่อไปอยู่ที่สภาฯ จะนำกฎหมายดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลเพื่อนำขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงลงพระปรมาภิไธยภายใน 20 วัน ซึ่งหากผู้ใดจะยื่นคัดค้านก็สามารถทำได้ก่อนที่รัฐบาลจะนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ถ้ารัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วก็ถือว่าไม่สามารถยื่นคัดค้านได้" นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนเองขอยืนยันว่าการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญมีสภาพบังคับเหนือข้อบังคับจึงเชื่อว่าหากมีการยื่นตีความศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับพิจารณา แต่หากมีการยื่นตีความก็คงจะใช้เวลาไม่นาน แต่ต้องเป็นในกรณีที่ยื่นก่อนที่รัฐบาลจะนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ
สำหรับกรณีที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไม่โหวตสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายวิทยา กล่าวว่า ตนเองกำลังตรวจสอบข้อมูลและจะใช้กระบวนการภายในพรรคพิจารณาดำเนินการต่อไป ส่วนที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่โหวตสนับสนุนนั้นถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.จะไปบังคับหรือไล่ออกไม่ได้
ส่วนขั้นตอนการออกกฎหมายลูกหลังจากโปรดเกล้าฯ แล้วถือเป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ต้องนำเสนอเข้าสู่สภาฯ โดยคาดว่าสภาฯ จะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 เดือนหลังจากเรื่องเข้าสภาฯ แล้ว แต่หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองก็สามารถใช้ระเบียบ กกต.เดิมได้
นายวิทยา กล่าว่า สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 16 ก.พ.นี้จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2554 หรืองบกลางปี โดยวางกรอบการพิจารณาไว้ 10 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00-24 .00 น. และจะให้มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที จากนั้นในวันที่ 27 ก.พ.54 ที่ประชุมจะรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ และจะมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเช่นกัน ซึ่งหากฝ่ายค้านอยากใช้ 2 เวทีดังกล่าวในการซ้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจก็สามารถทำได้