นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(UNSC) จะแสดงจุดยืนและเห็นด้วยกับประเทศไทยว่าควรใช้แนวทางเจรจาในระดับทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ต่อกรณีปัญหาการปะทะกันตามบริเวณแนวชายแดน ตามที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จะได้ไปชี้แจงต่อ UNSC ให้รับทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวันนี้
โดยวันพรุ่งนี้(15 ก.พ.) เวลา 06.00 น. นายกษิต จะออกรายการโทรทัศน์ช่อง 11 เพื่อรายงานผลการหารือดังกล่าวกับ UNSC ให้ประชาชนได้รับทราบ
"ขณะนี้กระทรวงต่างประเทศพร้อมจะชี้แจงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแล้ว ซึ่งจะมีการรายงานผ่านช่อง 11 ตอน 6 โมงเช้าพรุ่งนี้...เราหวังว่านานาชาติจะสามารถโน้มน้าวกัมพูชา และเราคาดหวังว่าประธานฯ จะมีถ้อยแถลงที่สอดคล้องกับเรา และเป็นถ้อยแถลงที่กระตุ้นให้ 2 ประเทศแก้ไขปัญหากันเอง" นายปณิธาน กล่าว
สำหรับการหารือระหว่างนายกษิต กับ UNSC ที่จะมีขึ้นในวันนี้นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานทางการทหาร หรือบทสัมภาษณ์ของทหารกัมพูชาผ่านสื่อต่างประเทศที่ยอมรับว่าเป็นฝ่ายโจมตีไทยก่อน พร้อมกันนี้ไทยทั้งจะชี้แจงว่าพลเรือนของไทยถูกโจมตี และจะยืนยันว่าไทยได้ดำเนินการตามพันธกรณีในฐานะเพื่อนบ้านที่ดี ยึดมั่นในหลักสันติวิธี
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ไทยจะไปชี้แจงต่อ UNSC นั้นถือเป็นโอกาสดีที่ให้นานาชาติหรือกลุ่มประเทศอื่นๆ ได้รับข้อมูลรอบด้าน พร้อมเชื่อว่าในระหว่างที่มีการเจรจาไม่ควรจะเกิดเหตุปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชาขึ้นอีก เพราะจะยิ่งส่งผลเสียต่อการแก้ไขปัญหาระหว่างกัน
อย่างไรก็ดี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ให้รับทราบถึงข้อมูลจากการลงพื้นที่สำรวจผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาจากเหตุปะทะดังกล่าว ก่อนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจลงพื้นที่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อดูสภาพความเป็นจริงและให้แนวทางการช่วยเหลือแก่ประชาชนต่อไป
นายปณิธาน ยังกล่าวถึงกรณีที่สมาคมนักข่าวฯ จะเป็นสื่อกลางในการเจรจาระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกับรัฐบาลว่า รัฐบาลไม่ปฏิเสธที่จะเจรจา ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่มีเงื่อนไขใดๆ สามารถพูดคุยกับกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ต้องการให้ใช้รูปแบบการดีเบตผ่านทีวีนั้น รัฐบาลยินดี เพราะก่อนหน้านี้เคยมีการแสดงความคิดเห็นผ่านเวทีในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว