เลขาฯสมช.ชี้มติ UNSC เป็นไปตามคาด แนะเร่งเจรจาทวิภาคีเร็วที่สุด

ข่าวการเมือง Tuesday February 15, 2011 10:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่า ถือว่าเป็นไปตามความคาดหมายที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(UNSC) มีมติให้ไทยและกัมพูชาไปเจรจากันเองในระดับทวิภาคีต่อปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน โดยมีอาเซียนเป็นตัวกลางคอยช่วยประสานงานและอำนวยความสะดวก

โดย UNSC ไม่ต้องการเห็นการปะทะกันของสองฝ่าย และปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่ควรหันหน้าพูดคุยกันเอง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์ต่อสองฝ่าย เพราะทั้งไทยและกัมพูชาเองยังมีความสัมพันธ์ที่ดีในด้านอื่นๆ ต่อกัน เช่น การค้า การลงทุน และด้านเศรษฐกิจอื่นๆ โดยรวมแล้วถึง 80-90% ซึ่งควรจะคำนึงจุดนั้นมากกว่า

"หลังมติ UNSC ออกมา ถ้าไม่ทำอะไรก็จะปั้นปึ่งกันแบบนี้ต่อไป ขัดแย้งกันไปก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย เพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบแค่ 4-5% ของระดับความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกัน" นายถวิล ระบุ

ส่วนกรณีการอ้างสิทธิในพื้นที่ปราสาทพระวิหารนั้น นายถวิล กล่าวว่า ขณะนี้กัมพูชาได้ขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวแล้ว โดยยังเหลือเพียงขั้นตอนการจัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่ ในขณะที่พื้นที่ดังกล่าวนั้นทั้งไทยและกัมพูชาต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของ จึงทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งไม่ยุติ แต่ฝ่ายไทยก็มีเหตุผลชัดเจนเพียงพอที่คณะกรรมการมรดกโลก(ยูเนสโก) จะรับฟัง และนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางไปประเทศฝรั่งเศสแล้วเพื่อชี้แจงต่อยูเนสโก และเชื่อว่ายูเนสโกจะรับฟังข้อชี้แจงจากประเทศไทยมากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องดำเนินการขณะนี้ คือ การทำให้ไทยมีความพร้อมมากที่สุดในการร่วมเจรจาทวิภาคีกับเขมร

ส่วนกรณีการยั่วยุตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชามองว่าคงไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะผลจะเสียตกอยู่กับประชาชนสองประเทศเองในที่สุด ขณะที่การยั่วยุจากม็อบและการชุมนุมทางการเมืองต่างๆ นั้น เลขาธิการ สมช. ขอให้ทุกฝ่ายมีสติและใช้เหตุผล อย่าใช้อารมณ์ หรืออย่าพยายามยั่วยุกันเอง แต่ควรทำให้แนวทางเจรจาทวิภาคีเกิดขึ้นเร็วที่สุดเพื่อประโยชน์ของประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ