นายกรัฐมนตรีเผยท่าทีของสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต่อกรณีเหตุพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาดีขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อน หลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(UNSC) มีมติให้ทั้งสองประเทศใช้แนวทางการเจรจาในระดับทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพยายามโน้มน้าวให้กัมพูชาเห็นชอบด้วย
"ก็ถือว่าเป็นท่าทีที่ดีขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งท่านนายกฯ กัมพูชาไม่ได้พูดถึงเรื่องพื้นที่เลย พูดในลักษณะของสงครามด้วยซ้ำ ก็คิดว่าจะโน้มน้าวให้กลับสู่กระบวนการเจรจาตามที่ UNSC ได้ให้ความเห็นไว้" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชานั้นจะให้ทางจังหวัดเร่งรัดให้ความช่วยเหลือปรับปรุงซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยและโรงเรียนโดยใช้งบทดรองจ่าย รวมทั้งการสร้างหลุมหลบภัยเพิ่มเติม และการปรับปรุงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ซึ่งหากงบประมาณไม่เพียงพอก็สามารถร้องขอเพิ่มเติมมายังรัฐบาลได้
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวหาว่ารัฐบาลเกรงกลัวกัมพูชาเนื่องจากมีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่มีแหล่งปิโตรเลียมนั้นยังไม่มีความคืบหน้า และหากจะดำเนินการใดๆ ก็ต้องแจ้งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้รับทราบทั่วกัน ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลกระทบต่อยุทธศาสตร์ในภาพรวม ทั้งในเรื่องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ
"ขณะนี้ประเด็นเรื่องพื้นที่ทางทะเลที่ยังไม่ได้ข้อยุตินั้นไม่มีการเดินหน้าอยู่แล้ว" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาแม่ทัพภาคที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ย่อหย่อนเนื่องจากได้รับผลประโยชน์จากกัมพูชานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีการรวบรวมข้อมูลที่กลุ่มพันธมิตรฯ นำเสนอไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันการทำหน้าที่ของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเจรจากับกัมพูชา และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบด้านการค้า ซึ่งจะเห็นจากตัวเลขการค้าชายแดนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 40-50%