โอบามาประณามการใช้ความรุนแรงในบาห์เรน ลิเบีย เยเมน ขณะการประท้วงยังไม่ยุติ

ข่าวต่างประเทศ Saturday February 19, 2011 14:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรงในบาห์เรน ลิเบีย และเยเมน หลังจากที่เหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลใน 3 ประเทศดังกล่าวได้ทวีความรุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิต

“ผมรู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่งที่ได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงในบาห์เรน ลิเบีย และเยเมน" ผู้นำสหรัฐระบุในแถลงการณ์ “สหรัฐอเมริกาขอประณามการที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนที่ชุมนุมประท้วงด้วยความสงบในประเทศเหล่านี้และที่ใดก็ตามที่อาจเกิดขึ้น"

“ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ประชาชนมีสิทธิสากล ซึ่งรวมถึงสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติ" โอบามากล่าว “สหรัฐอเมริกาขอเรียกร้องให้รัฐบาลบาห์เรน ลิเบีย และเยเมน แสดงความอดทนอดกลั้นในการรับมือกับกลุ่มผู้ประท้วง และเคารพในสิทธิของประชาชน"

ผู้นำสหรัฐยังได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวและเพื่อนฝูงของผู้ที่เสียชีวิตในระหว่างการชุมนุมประท้วง

ทั้งนี้ เหตุการณ์ประท้วงยังคงปกคลุมหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ และทวีความรุนแรงกลายเป็นเหตุนองเลือด โดยมีการพบศพผู้เสียชีวิตรวมหลายสิบราย

โดยในกรุงมานามา เมืองหลวงของบาห์เรน มีรายงานว่า ผู้ประท้วงกว่า 1,000 คนพยายามเคลื่อนขบวนไปที่จัตรัสไข่มุก ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง และเป็นเขตห้ามชุมนุมประท้วงตามประกาศของรัฐบาล โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้กองกำลังความมั่นคงเปิดฉากยิงก๊าซน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วง จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน หลังจากที่มีผู้เสียชีวิตไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อกองกำลังความมั่นคงได้เข้าสลายการชุมนุมที่จัตุรัสไข่มุกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

วิลเลียม เฮก รมว.ต่างประเทศอังกฤษ เรียกร้องให้รัฐบาลบาห์เรนใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นอีก รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้กำลังเกินความจำเป็น

ขณะที่ในลิเบียนั้น มีรายงานว่า มีผู้ประท้วงเสียชีวิตมากกว่า 50 คนในเมืองทางตะวันออกของประเทศ ระหว่างการปะทะกับกองกำลัง ขณะที่ผู้ประท้วงเรียกร้องให้นายมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ก้าวลงจากตำแหน่ง

โดยแพทย์ชาวลิเบียคนหนึ่งที่โรงพยาบาลอัล-จาลา ในกรุงเบนกาซี ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ เผยว่า ที่โรงพยาบาลของเขามีผู้เสียชีวิต 35 ราย โดยผู้ประท้วงถูกยิงขณะที่กำลังพยายามเดินขบวนไปยังหนึ่งในบ้านพักหลายหลังของนายกัดดาฟี

ส่วนในเมืองเบยิดา เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของโรงพยาบาลเผยว่า มีศพผู้ประท้วงที่โรงพยาบาลของเขาอย่างน้อย 23 ศพในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บมีจำนวนราว 500 คน

ขณะเดียวกัน ในเยเมน มีผู้ประท้วงเสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 76 ราย จากการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนและกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลในหลายเมืองใหญ่ของประเทศ ได้แก่ ทาอิซ เอเดน และซานา ขณะที่รัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจหลายพันคนไปยุติการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงสองกลุ่ม

สำหรับสถานการณ์ในอียิปต์นั้น ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคน รวมตัวกันในย่านใจกลางกรุงไคโร เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะที่กลุ่มผู้ประท้วงสามารถกดดันให้ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ลาออกจากตำแหน่งได้

โดยที่จัตรุสทาห์รี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการชุมนุมประท้วงนาน 18 วันนับตั้งแต่วันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมานั้น เต็มไปด้วยชาวอียิปต์ ซึ่งหลายคนโบกธงชาติและร้องตะโกนว่า "อียิปต์จงเจริญ"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ