ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ระบุถึงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ความเชื่อมั่นต่อศักยภาพประเทศไทยในปัจจุบัน และอนาคตอีก 6 เดือนข้างหน้า" หลังจากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันที่มีปัญหารุมเร้าในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาปากท้องของประชาชน ปัญหาการชุมนุมประท้วง ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาความขัดแย้งกับประเทศกัมพูชาว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของประเทศไทยเฉลี่ยรวมทุกด้านเพียงแค่ 3.47 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน) โดยปรับลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับการสำรวจครั้งก่อนหน้า (มิ.ย. 53) ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยเพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์สลายการชุมนุมในวันที่ 19 พฤษภาคม 53 ที่มีคะแนนเท่ากับ 3.57 คะแนน (ลดลงร้อยละ 2.8)
และเมื่อพิจารณาความเชื่อมั่นในแต่ละด้านพบว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจมากที่สุด แต่ยังคงมีคะแนนไม่ถึงครึ่ง (4.01 คะแนน) รองลงมาคือด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม (3.47 คะแนน) ส่วนด้านการเมืองประชาชนมีความเชื่อมั่นน้อยที่สุด (2.94 คะแนน)
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาคะแนนความเชื่อมั่นในแต่ละตัวชี้วัดจากจำนวนทั้งสิ้น 12 ตัวชี้วัด พบว่า ความเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันมีคะแนนต่ำที่สุด (1.91 คะแนน) เช่นเดียวกับผลการสำรวจในครั้งที่ผ่านมา
ขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียนเป็นความเชื่อมั่นที่มีคะแนนสูงที่สุด แต่ก็ยังไม่ถึงครึ่ง (4.69 คะแนน)
ส่วนด้านความเชื่อมั่นที่ปรับลดลงมากที่สุดคือด้านความรักและสามัคคีของคนในชาติ (ลดลง 0.38 คะแนน) ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ประชาชนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศว่าสามารถแข่งขันได้ในอาเซียน แต่ไม่เชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกในระบบการเมืองไทยและเมื่อรวมกับความเชื่อมั่นในความรักความสามัคคีของคนในชาติที่ลดลง สองสิ่งนี้จะเป็นปัจจัยกัดกร่อนศักยภาพของประเทศไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต
สำหรับความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของประเทศไทยในอีก 6 เดือนข้างหน้า พบว่า ร้อยละ 44.7 ระบุว่าเหมือนเดิม ร้อยละ 33.9 เชื่อว่าจะแย่ลง มีเพียงร้อยละ 21.3 ที่เชื่อว่าจะดีขึ้น
อนึ่ง ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วทุกภาคของประเทศจำนวน 1,427 คน เมื่อวันที่ 12— 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา