ประเทศต่างๆในยุโรปได้ส่งเครื่องบินและเรือไปยังลิเบียเพื่ออพยพประชาชนที่ยังติดค้างอยู่ในประเทศลิเบีย ขณะที่บริษัทน้ำมันหลายแห่งของยุโรปได้เริ่มอพยพพนักงานต่างชาติออกจากพื้นที่และระงับการผลิตชั่วคราว เนื่องจากเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในลิเบียได้ทวีความรุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
บริษัทน้ำมันของยุโรป รวมถึง รอยัล ดัทช์ เชลล์, บีพี, วินเตอร์แชลล์ และ Eni ได้อพยพพนักงานและครอบครัวออกจากลิเบียแล้ว ขณะที่บีพีและวินเตอร์แชลล์ยืนยันว่า ทางบริษัทได้ระงับการผลิตชั่วคราวในลิเบีย เนื่องจากความวิตกกังเกี่ยวกับสถานการณ์ที่รุนแรง
รายงานระบุว่า หลายประเทศในยุโรปได้ออกแถลงการณ์เตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงเดินทางไปยังลิเบีย หรืออพยพยออกจากลิเบีย พร้อมกับส่งเครื่องบินและเรือไปรับประชาชนที่ยังติดค้างอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว หลังจากเกิดเหตุการณ์กวาดล้างผู้ชุมนุมประท้วงอย่างดุเดือด จนนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ทั้งนี้ โปรตุเกสและออสเตรเลียได้ส่งเครื่องบิน C-130 ไปรับประชาชนที่ยังติดค้างอยู่ในลิเบีย ส่วนประเทศอื่นๆในกลุ่มสหภาพยุโรป และตุรกี ได้ส่งเรือเฟอร์รี่ไปรับประชาชน นอกจากนี้มีรายงานว่า รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้ส่งเครื่องบินทหารไปรับประชาชนในลิเบียด้วย
ลิเบียเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก และมีแหล่งสำรองน้ำมันขนาดใหญ่ โดยบริษัท Eni ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซรายใหญ่สุดของอิตาลีได้เข้าไปดำเนินการผลิตน้ำมันและก๊าซในลิเบียมาเป็นเวลากว่า 50 ปี จนทำให้ Eni กลายเป็นนักลงทุนด้านพลังงานต่างชาติรายใหญ่สุดในลิเบีย
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดในลิเบียนั้น สถานีโทรทัศน์อัล-จาซีราของกาตาร์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของพยานผู้เห็นเหตุการณ์ว่า เครื่องบินของกองทัพอากาศลิเบียได้ยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมประท้วงในเมืองทริโปลี แต่นายเซอิฟ อัล-อิสลาม บุตรชายของกัดดาฟี ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว
นอกจากนี้ นายมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ได้กล่าวยืนยันกับสถานีโทรทัศน์ของทางการลิเบียในช่วงเช้าวันนี้ว่า เขายังคงอยู่ในเมืองทริโปลี เมืองหลวงของลิเบีย และได้ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า เขาได้อพยพออกจากลิเบียเพื่อไปลี้ภัยในเวเนซูเอลา