พธม.ยกเหตุผล 4 ข้อไทยเสียดินแดนให้เขมร จี้นายกฯ ต้องรับผิดชอบคำพูด

ข่าวการเมือง Friday February 25, 2011 12:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนยันเหตุผล 4 ประการไทยเสียดินแดนให้กัมพูชาแล้วในทางปฏิบัติ พร้อมเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมารับผิดชอบคำพูดเมื่อวันที่ 7 ส.ค.53 ที่เคยกล่าวไว้ว่า ถ้าทำให้ประเทศไทยสูญเสียดินแดนก็จะไม่ขอเป็นนายกรัฐมนตรี

เหตุผล 4 ประการที่กลุ่มพันธมิตรฯ มองว่าไทยได้เสียดินแดนให้แก่กัมพูชาไปแล้ว คือ 1.จากภาพถ่ายและวีดิโอที่ประจักษ์ว่ากัมพูชายึดดินแดนไทยอยู่ พร้อมสำแดงอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนไทย ทั้งที่วัดแก้วสิกขาคีรีศวร, ภูมะเขือ, ปราสาทพระวิหาร, บ้านหนองจาน และในพื้นที่อื่นๆอีกหลายจุด

2.ฝ่ายไทยไม่เคยยืนยันเรื่องเส้นเขตแดนในเวทีระหว่างประเทศ ขณะที่กัมพูชายืนยันพื้นที่ว่าเป็นเขตแดนของกัมพูชาตามแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ทั้งในเวทีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และในเวทีอาเซียน จึงมีข้อเสนอและแถลงการณ์ให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงถาวรโดยไม่สนใจถึงการรุกล้ำดินแดนไทย และละเมิด MOU ปี 43 ตลอด 11 ปีที่ผ่านมาของฝ่ายกัมพูชา จึงไม่เกิดข้อเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาถอยออกจากแผ่นดินไทย

3.ข้อตกลงหยุดยิงที่มีเงื่อนไข 8 ข้อของฝ่ายทหารเมื่อวันที่ 19 ก.พ. แม้ฝ่ายไทยจะปฏิเสธว่าไม่มีการลงนาม เป็นเพียงสัญญาลูกผู้ชาย แต่ถือเป็นการสละการใช้กำลังทหารผลักดันกองกำลังและชุมชนกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย และสละการใช้แสนยานุภาพทางการทหารบนโต๊ะเจรจา ทำให้กัมพูชาสามารถยึดครองแผ่ดินได้จนกว่าจะพอใจโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา รวมทั้งเงื่อนไขทั้ง 8 ข้อได้ผ่านการรับทราบในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจนมีการออกเป็นแถลงการณ์ออกมา

4.การให้อาเซียนมาเป็นผู้สังเกตการณ์เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีการปะทะกันอีก เท่ากับว่าฝ่ายไทยและกัมพูชายินยอมให้ประเทศที่ 3 เข้ามา โดยไทยไม่มีสิทธิในการผลักดันทหารกัมพูชาออกจากแผ่นดินได้เลย

"ด้วยเหตุผล 4 ประการนี้ ทำให้สามารถสรุปได้ว่าประเทศไทยได้สูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย และต้องการความรับผิดชอบจากนายอภิสิทธิ์ ที่เคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 7 ส.ค.53 ที่บอกว่าหากทำให้ประเทศสูญเสียดินแดน อย่าว่าแต่การเป็นนายกฯ เลย แม้แต่แผ่นดินไทยก็ไม่ควรอยู่ด้วยซ้ำ" นายปานเทพ กล่าว

นายปานเทพ ยังได้กล่าวถึงกรณีทหารอินโดนีเซีย 30 คนที่จะมาสังเกตการณ์ในพื้นที่เพื่อป้องกันการปะทะด้วยว่า ทหาร 15 คนที่จะยืนในฝ่ายไทยนั้นไม่มีปัญหา แต่ทหารอีก 15 คนที่ไปอยู่ในฝั่งกัมพูชานั้นจะยืนอยู่ตรงจุดไหน หากมายืนที่วัดแก้วฯ, ภูมะเขือ หรือเขาพระวิหาร เท่ากับว่าฝ่ายไทยยอมรับว่าพื้นที่เหล่านั้นเป็นของกัมพูชา เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะหากให้ยืนในพื้นที่กัมพูชาต้องยืนอยู่ที่ตีนหน้าผาของเขาพระวิหารและภูมะเขือ หากไปยืนที่อื่นเท่ากับรัฐบาลสมรู้ร่วมคิดและยอมรับว่าเป็ฯพื้นที่กัมพูชา

ส่วนกรณีที่ตัวแทนยูเนสโกเตรียมเข้าพบนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ในวันนี้นั้น นายปานเทพ กล่าวว่า พันธมิตรฯ จะไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ทราบว่านักวิชาการบางคนที่ร่วมกับพันธมิตรฯ ซึ่งมีองค์กรเครือยข่ายของตัวเองได้คัดค้านที่ตัวแทนยูเนสโกเข้ามาในลักษณะที่สนับสนุนฝ่ายกัมพูชา โดยได้ยื่นหนังสือก่อนหน้านี้ว่าไม่ต้อนรับผู้แทนยูเนสโกคนนี้ เพราะมีอคติ อีกทั้งยังมีพฤติกรรมในการช่วยเหลือกัมพูชาในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

ขณะเดียวกัน ได้ทราบข่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า ฝ่ายกัมพูชามีความพยายามล็อบบี้ให้ตัวแทนยูเนสโกกดดันให้ฝ่ายไทยให้ชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่มีเหตุปะทะ เพื่อตอกย้ำสนับสนุนกัมพูชามากขึ้นไปอีก หากเป็นเช่นนี้ฝ่ายไทยต้องปฏิเสธ เพราะถือว่ากัมพูชาใช้วัดแก้วฯ และปราสาทพระวิหารเป็นที่ซ่องสุมกองกำลังและอาวุธที่ใช้โจมตีราษฎรไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ