"จำลอง" จำยอมคืนพื้นที่ เพราะเห็นใจหัวอกจนท.ต้องรับคำสั่งจากรัฐบาล

ข่าวการเมือง Monday February 28, 2011 11:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนยันว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดช่องทางคู่ขนานบน ถ.ราชดำเนินนอก ตั้งแต่สะพานมัฆวานรังสรรค์จนถึงแยกมิสกวันในเช้าวันนี้ไม่ใช่เป็นการยินยอม เพราะที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ เคยปฏิเสธการขอคืนพื้นที่จากเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง แต่เนื่องจากในครั้งนี้ตำรวจใช้กำลังเจ้าหน้าที่เปิดการจราจรเข้ามา แม้ทางกลุ่มจะไม่ยินยอม แต่เมื่อผู้มีอำนาจต้องการก็ย่อมทำได้ทั้งนั้น ซึ่งตนได้บอกกับผู้ชุมนุมว่าอย่ามีพฤติกรรมรุนแรงหรือต่อต้านเจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องรับคำสั่งมาจากรัฐบาล

"รัฐบาลใช้อำนาจบังคับให้ตำรวจต้องทำเช่นนี้ นี่ถือเป็นระยะแรกของการสลายการชุมนุม ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เกินคาดหมาย เพราะรัฐบาลยอมให้เราอยู่ที่นี่แล้วเปิดโปงความจริงต่อไปไม่ได้อีกแล้ว" พล.ต.จำลอง กล่าวในการแถลงข่าวเช้านี้

พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลเดือดร้อนหนักจนแทบจะอยู่ไม่ได้ เพราะล่าสุดมีการประกาศเปิดสถานีโทรทัศน์ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะคงทนไม่ได้ที่สถานี ASTV เดินหน้าเปิดโปงความล้มเหลวของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องจนส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลชุดนี้

โดยตนได้ประกาศไว้ว่าเมื่อตำรวจมากลั่นแกล้งพี่น้องที่อยู่ในที่ชุมนุม ขอให้พี่น้องที่อยู่ทั่วประเทศอย่าเพิ่งออกมามาก แต่ขอให้ผลัดเปลี่ยนกันมาตามปกติ เพราะในที่สุดแล้วเมื่อถึงเวลารัฐบาลจะเป็นผู้เป่านกหวีดเอง และเมื่อถึงเวลานั้นก็จะรู้กันเองว่าจะไปที่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีผู้เข้ามาร่วมชุมนุมมากขึ้นแล้ว ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะยึดพื้นที่กลับคืนจากตำรวจหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดถึงตรงจุดนั้น แต่ยืนยันว่าเราทุกคนต้องอดทนและไม่วิตก เพราะทราบดีว่าตำรวจทำตามหน้าที่

พล.ต.จำลอง ยังได้กล่าวตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่อ้างว่าสาเหตุที่ยังไม่มีการเจรจากับพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯ ไม่สนใจและต้องการพูดเพียงฝ่ายเดียวว่า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการให้ข้อมูลต่อประชาชน โดยเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่าย รัฐบาลและพันธมิตรฯ ใช้เวลานำเสนอข้อมูลเท่าๆ กันผ่านการถ่ายทอดสด ไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบพูดพร้อมกัน เนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ส.ค.53 เคยจัดเวทีในลักษณะนี้มาแล้ว ปรากฎว่านายอภิสิทธิ์ ใช้เวลาพูดเป็นส่วนใหญ่ จึงขอให้มีความยุติธรรม โดยเปิดเวทีให้เวลาทั้ง 2 ฝ่ายเท่าๆ กัน พูดกันคนละวัน ใครพูดก่อนหลังก็ได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ