นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีของนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกคุมขังอยู่ที่กัมพูชว่า ขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศนำหนังสือการลงนามนายวีระ และ น.ส.ราตรีว่ามีการขออภัยโทษจริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครได้พบนายวีระ และ น.ส.ราตรีเลย
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศเป็นฝ่ายอธิบายโฆษณาชวนเชื่อมาตลอดว่าทั้ง 2 คนได้ลงนามขออภัยโทษแล้ว แต่นายการุณ ใสงาม แกนเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ และทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนายวีระและ น.ส.ราตรี ออกมาระบุว่าทั้ง 2 คนยังไม่ได้ลงนามขออภัยโทษ และได้ดำเนินการยื่นขออุทธรณ์กับศาลกัมพูชาไปแล้ว
สำหรับกรณีที่นายพนิช วิกิษเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่านายวีระป่วยหนัก ทั้งที่ไม่ได้เข้าพบ จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เนื่องจากตัวแทนของฝ่ายไทยไม่มีใครได้พบทั้ง 2 คน จึงไม่สามารถทราบได้ว่าได้ถูกกระทำอย่างไรบ้างในเรือนจำกัมพูชา สะท้อนให้เห็นว่าทางกัมพูชาได้ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนที่ไม่ให้มีใครเข้าพบทั้ง 2 คน
นายปานเทพ กล่าวว่า ได้รับทราบจาก ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ซึ่งเคยติดคุกร่วมกับนายวีระว่า นายวีระมีอาการผื่นคันเป็นปกติ การที่นายพนิชมาย้ำว่าป่วยหนัก ทำให้เราเป็นห่วง โดยเฉพาะการที่รัฐบาลพยายามชี้นำให้ประชาชนเชื่อว่านายวีระป่วยหนักจริง แต่ไม่มีใครได้เข้าพบเลย จึงน่าสงสัยว่าปัจจุบันเกิดอะไรขึ้นกับนายวีระ และ น.ส.ราตรี เพราะกัมพูชาไม่ต้องการให้มีการสื่อสารกับคนภายนอก
“การอ้างว่าทั้ง 2 คนขออภัยโทษโดยไม่มีหลักฐาน เสมือนเป็นการกล้าวเอาเองจากฝ่ายรัฐบาล เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยหนังสือว่ามีการขออภัยโทษจริงหรือไม่ หากปฏิเสธก็ต้องถือว่ากระทรวงการต่างประเทศโกหกประชาชนไทย" นายปานเทพกล่าว
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวเพิ่มเติมว่า พันธมิตรฯเห็นใจนายวีระและ น.ส.ราตรี โดยมีความพยายามในการช่วยเหลือ แต่เนื่องจากภาคประชาชนไม่ได้มีเครื่องมือ หรืออำนาจในเรื่องนี้จึงเป็นการยาก ต่างจากรัฐบาลที่สามารถทำได้แต่ไม่ทำ
ส่วนกรณีที่นายพนิชกล่าวเตือนมายังพันธมิตรฯว่า อย่ากดดันนายวีระ และ น.ส.ราตรี รวมทั้งครอบครัวของทั้ง 2 คนนั้น ตนยืนยันว่าเราไม่เคยกดดันหรือก้าวก่ายใดๆเลย เพราะเรารู้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรทำ นายพนิชน่าจะไปเตือนนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลที่ทำผิดพลาดมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตามในการประชุมของคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาเป็นการเฉพาะกิจ เพื่อติดตามความทุกข์ยากของนายวีระ และ น.ส.ราตรี รวมทั้งกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากยังไม่ทราบว่าสามารถทำได้ขนาดไหนในฐานะที่เป็นภาคประชาชน