นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่ทางการกัมพูชาเตรียมนำทูตทหารจาก 10 ประเทศเข้าสำรวจพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร และพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหาร ว่า ทางกัมพูชาได้เชิญทูตทหารเข้าสำรวจความเสียหายของวัดแก้วสิกขาคีรีศวร และปราสาทพระวิหารจากเหตุปะทะ โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา ซึ่งหากรัฐบาลไทย โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่าขอบหน้าผาคือสันปันน้ำตามที่พูดไว้เมื่อวันที่ 7-8 ส.ค.53 ทางกัมพูชาก็ไม่สามารถนำทูตทหารเข้าพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไทยปล่อยให้กัมพูชานำทูตทหารเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวโดยไม่ขออนุญาตก่อน เท่ากับยอมรับว่าพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นของกัมพูชา ซึ่งลักษณะนี้จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการวางกำลังทหารสังเกตการณ์ของอินโดนีเซียที่จะมาในพื้นที่ดังกล่าวด้วย โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา และจะเป็นการรับรองการรุกล้ำดินแดนไทยของกัมพูชา
"เจตนารมณ์ของภาคประชาชนไม่ต้องการให้ชาติใดเข้ามาแทรกแซง โดยเฉพาะการมาแทรกแซงไม่ให้มีการใช้กำลังทหาร ทั้งที่กัมพูชายึดครองดินแดนไทยอยู่ เพราะทหารไทยมีหน้าที่ในการปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติ ผลักดันทหารและชุมชนกัมพูชาที่มีเจตนายึดครองประเทศไทย และมุ่งหมายให้นานาชาติรับรองพื้นที่เหล่านั้นให้เป็นของกัมพูชาออกไปให้ได้" นายปานเทพ กล่าว