นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลยึดคืนผิวจราจรถนน 2 เลนหน้ากระทรวงศึกษาธิการซึ่งเป็นสถานที่ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ปักหลักชุมนุม สะท้อนให้เห็นว่าวิธีคิดของนายอภิสิทธิ์ยังขาดวุฒิภาวะ เพราะชัดเจนว่าพื้นที่นี้ไม่ได้มีการจราจรอย่างคับคั่งหรือสามารถบรรเทาปัญหาจราจรติดขัดได้เลย
อีกทั้งยังเห็นได้จากการที่วานนี้ (2 มี.ค.) นายสมบูรณ์ ทองบุราณ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ พร้อมด้วยมวลชนประมาณ 10 คน พยายามไปหานายอภิสิทธิ์ที่บ้านซอยสุขุมวิท 31 แต่นายอภิสิทธิ์กลับตัดสินปิดการจราจรทั้งซอยสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ร้านค้า โรงแรมที่อยู่ในซอยดังกล่าว
"ถือเป็นความไร้มาตรฐานของนายอภิสิทธิ์ในการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ไม่มีจิตใจเป็นประชาธิปไตย ที่มายึดพื้นที่จากประชาชนที่มาชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวที่เมื่อประชาชนจะไปพบที่บ้าน กลับปิดการจราจรทั้งซอยสวัสดี แต่กลับกันเมื่อพันธมิตรฯอ้างเรื่องความปลอดภัยกลับปฏิเสธ และสั่งการให้มายึดพื้นที่คืน" โฆษกพันธมิตรฯ กล่าว
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ไม่มีเหตุการณ์ที่ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเกิดความไม่สบายใจหรือมีการเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยพื้นที่การชุมนุมเป็นพิเศษ
"ชุมนุมอย่างสบายใจ คิดว่าครั้งนี้แพ้ไม่ได้ และไม่มีการเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัย เพราะเราไม่ได้ไปต่อยตีกับใคร เรามาชุมนุมอย่างสงบ และรัฐบาลก็สามารถมาสลายการชุมนุมได้ตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่เราก็บอกว่าหากมาผลักดันเรา เมื่อถึงเวลาเราก็กลับมาใหม่" พล.ต.จำลอง กล่าว
สำหรับกรณีการรื้อถอนห้องสุขาที่อยู่ริมรั้วกระทรวงศึกษาธิการนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า หากเจ้าหน้าที่เข้ามารื้อถอนก็จะทำให้ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งประชาชนก็จะเป็นผู้ร้องขอเจ้าหน้าที่ไม่ให้มีการรื้อถอนเอง เราคงไม่ต้องวางกำลังมารักษาห้องสุขา เพราะรู้ว่ารัฐบาลพยายามทำให้เราเดือดร้อน เพื่อให้เรายุติการชุมนุม