ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ไม่ต้องพ้นจากตำแหน่ง รมช.มหาดไทย กรณีที่ภรรยาตั้งคณะบุคคลรับตรวจสอบบัญชีไม่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 ที่ห้ามคู่สมรสของรัฐมนตรีมีหุ้นหรือเข้าไปมีส่วนในกิจการของห้างหุ้นส่วน เนื่องจากไม่ใช่กิจการที่แสวงหากำไร และไม่ได้แบ่งปันรับผลประโยชน์
ทั้งนี้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยกรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ที่ขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรค 1(7) ประกอบมาตรา 269 โดยระบุว่า ที่นายเรืองไกรเห็นว่าการที่ พล.ต.หญิง จันทิมา เสนเนียม ภรรยาของนายถาวร ร่วมกับ พ.อ.หญิงชกานาฎ วรจันทร์(ขณะนั้น) ร่วมกันจัดตั้งคณะบุคคลวรจันทร์กับกรมสรรพากรเพื่อรับตรวจสอบบัญชีนั้น คณะบุคคลที่ตั้งขึ้นมีลักษณะเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 ห้ามมิให้คู่สมรสของรัฐมนตรีมีหุ้นหรือเข้าไปมีส่วนในกิจการของห้างหุ้นส่วน ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลง
โดยศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยว่าคณะบุคคลวรจันทร์มีลักษณะเป็นห้างหุ้นส่วนตามความหมายของรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า มาตรา 269 เป็นบทบัญญัติที่รัฐธรรมนูญกำหนดเป็นมาตรการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เพื่อไม่ให้เกิดการขัดกันในผลประโยชน์ แต่ทั้งนี้ไม่ได้มีการบัญญัติความหมายของห้างหุ้นส่วนไว้ แต่เมื่อไปพิจารณาถึงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้กำหนดในเรื่องของห้างหุ้นส่วนไว้ว่า หมายถึง การที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปตกลงเข้าร่วมเพื่อทำกิจการ และมีการแบ่งผลกำไรที่ได้จากกิจการนั้น
แต่เมื่อพิจารณาความหมายของคำว่าคณะบุคคลตามประมวลกฎหมายรัษฎากร และการให้ถ้อยคำของผู้แทนอธิบดีกรมสรรพากรต่อศาล ระบุว่า หมายถึงการเข้าร่วมกันของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อทำการงานที่ไม่ได้แสวงหาผลกำไร ซึ่งเมื่อนำมาพิจารณากับข้อเท็จจริงที่ พล.ต.หญิง จันทิมา และ พ.อ.หญิง ชกานาฎ ได้เบิกความต่อศาลระบุว่า การจัดตั้งคณะบุคคลวรจันทร์เป็นเพียงการแยกฐานภาษีที่ต้องชำระของ พล.ต.หญิง จันทิมา ออกมาเท่านั้น โดย พล.ต.หญิงจันทิมา เป็นผู้ลงทุนตั้งแต่จัดตั้งและกระทั่งเลิกคณะบุคคล และการรับประโยชน์ก็ไม่ได้มีการแบ่งปันกับ พ.อ.หญิง ชกานาฎ รวมทั้งไม่ปรากฏหลักฐานว่า ทั้งสองคนร่วมกันทำเป็นกิจการเป็นคณะบุคคล แต่กิจการคณะบุคคลวรจันทร์เป็นของ พล.ต.หญิง จันทิมา เพียงผู้เดียว
ดังนั้นการกระทำดังกล่าวจึงไม่เป็นการกระทำในลักษณะคณะบุคคลและมีลักษณะเป็นห้างหุ้นส่วนที่ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 ส่วนการดำเนินการของคณะบุคคลวรจันทร์จะเป็นการผิดกฎหมายอื่นหรือไม่นั้น ไม่อยู่ในอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย อาศัยเหตุดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยว่า การจัดตั้งคณะบุคคลวรจันทร์ของ พล.ต.หญิง จันทิมา ไม่เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายถาวร เสนเนียม สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรค 1(7)
ขณะที่ นายเรืองไกร กล่าวภายหลังรับฟังคำวินิจฉัยว่า จะขอดูรายละเอียดคำวินิจฉัยกลางอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่า นายถาวรแจ้งเท็จต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) หรือไม่ เพราะการตั้งคณะบุคคลของภรรยาเท่ากับว่าเป็นการหลบเลี่ยงที่จะแจ้งรายได้ของภรรยา ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ของสามีและต้องแจ้งต่อ ป.ป.ช.ด้วย