นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินหน้านโยบายโฉนดชุมชน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชน โดยยอมรับถึงอุปสรรคในข้อกฎหมายที่กระทบต่อการเดินหน้าโครงการ ซึ่งรัฐบาลพร้อมแก้ไขกฎระเบียบต่างๆที่เป็นปัญหา และเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานประสานความร่วมมือในด้านข้อมูล เพื่อการดำเนินนโยบายด้วยความราบรื่น ซึ่งหากโครงการประสบผลสำเร็จ จะส่งผลให้ประชาชน 140,000 ครัวเรือน ใน 190 ชุมชนทั่วประเทศ ได้รับประโยชน์จากที่ดิน 790,000 ไร่
อนึ่ง ในวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ประกอบด้วย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปลัดกรุงเทพมหานคร
การลงนามในวันนี้เป็นการขับเคลื่อนนโยบายในเรื่องของโฉนดชุมชน เพื่อที่จะให้การดำเนินงานด้านนโยบายโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี สามารถที่จะดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น โดยนโยบายเรื่องโฉนดชุมชนมีความสำคัญมาก เพราะเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งในเรื่องความขัดแย้งและที่ทำกินในรูปแบบใหม่ ซึ่งรัฐบาลได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลักคิดที่จะให้ประชาชนในชุมชนสามารถที่จะรวมตัวกันจัดระบบการบริหารจัดการ และสามารถที่จะเข้ามามีกรรมสิทธิ์ในฐานะของชุมชน เพื่อที่จะได้ดูแลว่าที่ดินที่ได้มีการมอบกรรมสิทธิ์ให้แก่ชุมชนนั้น นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ไม่ถูกยักย้ายถ่ายเท โอนเปลี่ยนมือไป ซึ่งนอกเหนือจากจะเป็นการสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ประชาชนและชุมชนแล้ว ยังเป็นการดูแลรักษาพื้นที่ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการใช้ที่ดิน
"ผมมีโอกาสมอบโฉนดชุมชนใบแรกที่คลองโยง ก็เห็นได้ชัดว่านอกเหนือจากเป็นเรื่องของการสร้างความมั่นใจให้แก่พี่น้องซึ่งบางครอบครัวอยู่มาหลายชั่วคนแล้ว ก็ยังเป็นหลักประกันในเรื่องที่จะทำให้พื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ที่สามารถดำรงไว้ในเรื่องของการใช้เพื่อการเกษตร ไม่ถูกนำไปเปลี่ยนเป็นบ้านจัดสรร โรงงาน ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ และขณะนี้จะได้รับการส่งเสริมสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการออกโฉนดชุมชนให้สามารถที่จะนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้มีอีกเกือบ 200 ชุมชนที่ได้ยื่นเรื่องเข้ามา ซึ่งถ้าหากสามารถดำเนินการในพื้นที่เหล่านี้ได้ จะช่วยประชาชนได้มากกว่า 100,000 คน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนและเกษตรกรต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทราบดีว่าการทำงานในเรื่องโฉนดชุมชนยังมีปัญหาอุปสรรคเรื่องกฎหมาย กฎระเบียบของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจ แต่ด้วยนโยบายที่มีความชัดเจน และรัฐบาลนี้ยึดถือเรื่องของระบบนิติรัฐ ที่ให้ความมั่นใจว่าการดำเนินการทุกอย่างจะต้องมีฐานทางกฎหมายที่รองรับ แต่หน่วยงานก็ต้องมาแลกเปลี่ยนร่วมมือกัน พบปัญหาอุปสรรคใด ๆ จะได้มาหาทางออกร่วมกันที่เป็นไปตามแนวทางที่สอดคล้องกับกฎหมายและนโยบาย
การลงนามในวันนี้คงจะทำให้เกิดความร่วมมือใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้นโยบายโฉนดชุมชนบรรลุวัตถุประสงค์ตามเจตนารมณ์ จึงขอขอบคุณรัฐมนตรีฯ ปลัดกระทรวงฯ รองผู้ว่าฯ และทุกคนที่มีส่วนร่วมทำให้การดำเนินงานเรื่องโฉนดชุมชนมีความก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่ง และหวังว่าพวกทุกคนจะช่วยกันผลักดันการดำเนินงานในความรับผิดชอบให้เกิดผลสำเร็จ และเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายต่อไป