โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) มองกรณีนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปพบคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในวันที่ 11 มี.ค.นี้เพียงหวังสร้างภาพชะลอการยุบสภาออกไป หลังผลโพลชี้คะแนนนิยมรัฐบาลร่วงกราวรูด
"เป็นการสร้างภาพเพื่อชะลอเกมยุบสภามากกว่า วันนี้ กกต.เองก็อยากให้มีการออกกฎหมายลูกให้เสร็จสิ้นก่อน ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจก็สามารถใช้เสียงข้างมากผ่าน 3 วาระรวดได้เลย" นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค พท.กล่าว
โฆษกพรรค พท.กล่าวว่า รัฐบาลได้ทำโพลสำรวจความนิยมแล้วพบว่าคะแนนร่วงกราวรูดไม่ถึงครึ่ง ดังนั้นเชื่อว่ารัฐบาลไม่กล้ายุบสภาตอนนี้แน่ ต้องยื้ออยู่ต่อไปเพื่อเรียกคะแนนคืนก่อน การไปพบ กกต.ครั้งนี้มีนัยแอบแฝงเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์จะไปพูดคุยถึงการจับวางเขตพื้นที่ตามระบบเลือกตั้งใหม่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ และนี่เป็นกรณีที่ฝ่ายบริหารเข้าไปแทรกแซง กกต.หรือไม่
โฆษกพรรค พท.กล่าวว่า กรณีที่มีการจัดงานระดมทุนเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อช่วงค่ำวานนี้(8 มี.ค.) โดยขายโต๊ะจีนในราคา 2-2.5 ล้านบาท/โต๊ะ ขณะที่พรรคภูมิใจไทยก็จะมีการระดมทุนโดยขายโต๊ะจีนเช่นกันในราคา 10 ล้านบาท/โต๊ะ สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมของรัฐบาลชุดนี้
"เสวยสุขในหมู่ผู้มีเงิน เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน ต่างตอบแทนกันและกัน ภาพที่ออกมาเป็นการกินอาหารหรูหราโชว์ประชาชนที่กำลังเดือดร้อนกับภาวะข้าวยากหมากแพง และยังทราบว่ามีการบีบภาคเอกชนบางรายให้ซื้อโต๊ะด้วย" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
โฆษกพรรค พท.กล่าวว่า อยากถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปบีบภาคเอกชนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างให้ซื้อ 3-5 โต๊ะ เป็นเงิน 10 ล้านบาทจริงหรือไม่ และการถ่ายทอดสดนั้นมีหลักฐานการซื้อช่วงเวลาหรือไม่ หรือว่าไปบีบให้ถ่ายทอดสดฟรี พรรคเพื่อไทยจะตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย ถ้าหากมีการซื้อช่วงเวลาจริงก็ต้องปรากฎอยู่ในหลักฐานบัญชีรายจ่ายของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย
สำหรับการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น โฆษกพรรค พท. กล่าวว่า คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล(คตร.) ของพรรคฯ ได้ติดตามและเก็บข้อมูลการทำงานของรัฐบาลมาเป็นเวลา 2 ปีกว่า โดยจะมีการตั้งวอร์รูมเพื่อสนับสนุนข้อมูลที่บริเวณชั้น 6 ของที่ทำการพรรคเพื่อจะได้ชี้แจงและตอบโต้ฝ่ายรัฐบาลอย่างทันท่วงที พร้อมทั้งช่วยให้ผู้อภิปรายมีข้อมูลที่แน่นขึ้น โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธาน นอกจากนี้ยังมีอดีตรัฐมนตรีเข้าร่วมด้วย โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.เป็นต้นไปจนกว่าการโหวตลงมติจะเสร็จสิ้น