"สุเทพ"เดิมพันเลิกเล่นการเมือง หากพบมีเอี่ยวผลประโยชน์น้ำมันปาล์ม

ข่าวการเมือง Tuesday March 15, 2011 17:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ยืนยันว่า ไม่เคยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือได้รับผลประโยชน์จากโรงกลั่น โรงสกัดน้ำมันปาล์มตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหา เพราะแม้ทางบ้านที่สุราษฎร์ธานีจะมีการทำสวนปาล์มน้ำมันแต่ก็มีเพียงความรู้พื้นฐานในด้านการเพาะปลูกเท่านั้น ไม่เคยเข้าไปทำธุรกิจโรงงานน้ำมันปาล์มแต่อย่างใด

พร้อมกันนี้ ยังท้านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบว่าตนมีความเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์จากโรงงานน้ำมันปาล์มหรือไม่ ซึ่งหากพิสูจน์แล้วว่ามีจริงก็จะยอมเลิกเล่นการเมืองไปตลอดชีวิต

"ผมท้าพิสูจน์เลย ที่กล่าวหาว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้องทุจริตคอรัปชั่น หาประโยชน์จากโรงกลั่น โรงสกัดนั้น บอกคุณอนุดิษฐ์ และคุณมิ่งขวัญเลยว่าถ้าอยากจะมีอนาคตทางการเมือง มาเดิมพันกันได้ ตั้งกรรมการทุกส่วนไปสอบ เอาทุกองค์กรไปสอบเลยว่า ถ้าผมมีรายได้จากปาล์มน้ำมันในกรณีนี้แม้แต่บาทเดียว ผมจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต ถ้าคุณ 2 คนพร้อมที่จะรับท้ากับผม ก็เริ่มลงมือได้ตั้งแต่วันนี้" นายสุเทพ กล่าว

ขณะที่นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย(พท.) ได้ตั้งข้อสังเกตสำคัญใน 2 ประเด็น คือ การนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ 3 หมื่นตัน จำนวน 2 ล็อต ซึ่งน่าจะผลิตออกมาเป็นน้ำมันปาล์มบรรจุขวดได้ถึง 60 ล้านขวดลิตร แต่เหตุใดจึงกลับผลิตออกมาได้เพียง 44 ล้านขวดลิตร น้ำมันส่วนที่เหลือหายไปไหน เพราะจากข้อมูลของสหกรณ์การเกษตรระบุว่าน้ำมันปาล์มดิบ 3 หมื่นตัน จะสามารถผลิตออกมาเป็นน้ำมันปาล์มบรรจุขวดได้ 33 ล้านขวดลิตร

ส่วนอีกกรณีคือ การบริหารสต็อกที่ผิดพลาด เนื่องจากรัฐบาลทราบว่าปริมาณผลผลิตน้ำมันปาล์มเริ่มขาดแคลนตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.53 แต่รัฐบาลเพิ่งตัดสินใจในวันที่ 6 ม.ค.54 ว่าจะให้มีการนำเข้า และกว่าจะนำเข้ามาได้จริงก็เนิ่นนานไปเป็นวันที่ 26 ม.ค.54

ด้านนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ชี้แจงถึงกรณีที่นายอนุดิษฐ์ ตั้งข้อสังเกตว่าปริมาณน้ำมันปาล์มส่วนหนึ่งหายไปว่า คณะกรรมการของกรมการค้าภายใน ได้ประชุมร่วมกับสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ซึ่งมีการคำนวณอัตราส่วนว่าน้ำมันปาล์มดิบ 30,000 ตัน จะแปรมาเป็นน้ำมันปาล์มบรรจุขวดได้ 22.6 ล้านลิตร

"ตรงนี้มีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ได้ เราได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของน้ำมันปาล์มดิบแยกไขจากมาเลเซียว่าสามารถผลิตเป็นน้ำมันปาล์มบรรจุขวดได้เท่าใด กรมการค้าภายในได้นำตัวอย่างให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจพิสูจน์ และช่วงรอผลนั้น สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์มจะใช้ปริมาณที่ 22.6 ล้านลิตรไปก่อน แต่หากมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันได้ว่า สามารถผลิตออกมาเป็นน้ำมันมันปาล์มบริสุทธิ์ได้มากกว่า ทางสมาคมก็ยินดีจะเพิ่มการผลิตให้" นางพรทิวา กล่าว พร้อมยืนยันว่าน้ำมันปาล์มไม่ได้หายไปไหน ไม่มีการทุจริตตามที่นายอนุดิษฐ์ เป็นห่วง

ส่วนกรณีเรื่องราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มบรรจุขวดที่ปรับเพิ่มจาก 38 บาท/ขวดลิตร มาเป็น 47 บาทนั้น เป็นเพราะต้นทุนการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศมีราคาสูงขึ้น ซึ่งในวันที่คำนวนราคาขายปลีกที่ขวดละ 47 บาทนั้น ได้คำนวณจากต้นทุนนำเข้าที่ 36.51 บาท แต่กว่าจะถึงวันที่นำเข้าได้จริงทำให้ราคาต้นทุนสุดท้ายขยับไปอยู่ที่ 39.57 บาท ซึ่งเมื่อคิดออกมาเป็นราคาขายปลีกแล้วจะอยู่ที่เกือบ 60 บาท/ขวดลิตร แต่กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ขายอยู่ที่ไม่เกิน 47 บาท/ขวดลิตรเท่านั้น ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี แม้จะต้องขาดทุนจากการนำเข้า

"วันที่เราให้นำเข้ามา กรมการค้าภายในคำนวณน้ำมันปาล์มดิบที่ 36.51 บาท และขาย 47 บาท แต่กว่าจะสั่งได้ ราคาสุดท้ายอยู่ที่ 39.57 บาท ซึ่งผู้ประกอบการขาดทุนแล้ว 3 บาท ทำให้การนำเข้า 3 หมื่นตันนั้นผู้ประกอบการขาดทุนแล้ว 90 ล้านบาท ซึ่งผู้ประกอบการรับผิดชอบเอง ไม่ได้มีการชดเชยให้จากรัฐบาล" นางพรทิวา กล่าว

พร้อมระบุว่า กระทรวงพาณิชย์เป็นกระทรวงที่อยู่ปลายน้ำ หน้าที่ความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องราคาสินค้าคือ ต้องทำให้เกิดความสมดุลย์ทั้ง 3 ภาคส่วน คือ เกษตรกร ผู้ประกอบการ และประชาชน ซึ่งในกรณีของน้ำมันปาล์มนั้นต้องยอมรับว่าผู้บริโภคอาจต้องแบกรับภาระราคาที่เพิ่มขึ้นบ้าง ซึ่งเกษตรกรเองก็จะได้ราคาผลผลิตที่ดี และผู้ประกอบการก็สามารถอยู่ได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ